ที่จีนกล้าสู้ทรัมป์เพราะสร้างเกราะป้องกันผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ ไว้แล้ว

12 เม.ย. 2568 - 03:00

  • รัฐบาลจีนประกาศ "สู้จนถึงที่สุด" ตอบโต้การขึ้นภาษีศุลกากรจากทรัมป์อย่างรวดเร็ว

  • จีนมีบทบาทเหนือกว่าในการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ ส่งสินค้าไปจีนน้อยมากในเกือบทุกหมวดหมู่สินค้าหลัก   

china-has-already-trade-war-proofed-its-economy-SPACEBAR-Hero.jpg

หลักการทั่วไปของสงครามการค้าคือ การตอบโต้ที่ดีที่สุดคือการไม่ตอบโต้เลย เพราะความขัดแย้งนี้ไม่สร้างสรรค์ตั้งแต่แรกแล้ว การขึ้นภาษีศุลกากรรังแต่จะทำให้ผู้บริโภคในประเทศต้องควักกระเป๋าซื้อข้าวของแพงขึ้น วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ อยู่ให้ห่างจากความขัดแย้งที่ทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองไม่ว่าจะถูกยั่วยุหนักเพียงใดก็ตาม 

นี่คือกรณีของประเทศทั่วๆ ไป แต่สำหรับจีน ซึ่งล่าสุดเพิ่งประกาศเก็บภาษีศุลกากรสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% ถือเป็นข้อยกเว้นพิเศษ เนื่องจากจีนใช้เวลาหลายสิบปีสร้างเศรษฐกิจที่แทบจะเป็นเกราะกันกระสุนจากผลกระทบของนโยบายการค้าของตัวเองไว้แล้ว  

เมื่อพิจารณาว่าสหรัฐฯ กับจีนค้าขายอะไรกันบ้างจะพบว่า  

สินค้าหลักๆ ที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนเป็นสินค้าที่จะเห็นได้ในห้าง Walmart ห้างสรรพสินค้า หรือบนเว็บไซต์ Amazon อย่างสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกม เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น และเสื้อผ้า การเก็บภาษีศุลกากรสินค้าเหล่านี้ 84% อย่างที่ทรัมป์กำลังทำ จะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคชาวอเมริกันเร็วๆ นี้  

ส่วนสินค้าหลักๆ ที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็นสินค้าขั้นกลาง (intermediate goods) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บริโภคทั่วไปจะหาซื้อได้ อาทิ ก๊าซธรรมชาติเหลวและน้ำมันดิบ ชิปซิลิคอน และเครื่องจักรผลิตชิป เครื่องบินเจ็ต และพลาสติก สินค้าที่เป็นข้อยกเว้นเดียวคือ รถยนต์ และเมื่อพิจารณาถึงสถานะการแข่งขันที่ไม่สู้ดีของอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ ในจีน การเขี่ย Buick, Chevrolet และ Ford ออกจากตลาดแผ่นดินใหญ่ ก็เกือบจะเป็นการการุณยฆาตอยู่แล้ว

china-has-already-trade-war-proofed-its-economy-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: ภาพจิตกรรมฝาผนังชื่อ 'Smart Love' โดย TvBoy ศิลปินข้างถนนชาวอิตาลี จัดแสดงบนกำแพงในเมืองมิลานของอิตาลีเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2019 เป็นภาพประธานาธิบดี สีจิ้นผิงของจีน (ซ้าย) ถือ iPhone กำลังจูบประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ถือสมาร์ตโฟน Huawei Photo by AFP / Miguel MEDINA

ภาษีศุลกากรของทรัมป์ไปตกอยู่กับพลเมืองชาวอเมริกันทั่วไปและผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้ามา 4 ปี และอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี 

ขณะที่ภาษีศุลกากรที่จีนเรียกเก็บกระทบภาคธุรกิจที่อยู่ในภาวะราคาผู้ผลิตลดลงเป็นปีที่ 3 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แถมราคาผู้บริโภคก็กำลังลดลง

นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญเมื่อพิจารณาถึงความสามารถของแต่ละประเทศในการรับมือกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ 

ภาษีศุลกากรของทรัมป์ไปตกอยู่กับพลเมืองชาวอเมริกันทั่วไปและผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้ามา 4 ปี และอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี 

ขณะที่ภาษีศุลกากรที่จีนเรียกเก็บกระทบภาคธุรกิจที่อยู่ในภาวะราคาผู้ผลิตลดลงเป็นปีที่ 3 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แถมราคาผู้บริโภคก็กำลังลดลง

นั่นหมายความว่า เศรษฐกิจจีนมีช่องว่างมากพอควรในการรองรับแรงกระแทกด้านอุปทานจากภาษีศุลกากร ในขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังตึงตัว

สำหรับประธานาธิบดี สีจิ้นผิง บาดแผลที่ทรัมป์สร้างขึ้นเองคือโอกาส จีนสามารถนำเสนอตัวเองในฐานะตัวแทนที่ดีกว่าของระเบียบระหว่างประเทศที่ยึดกฎเกณฑ์ ได้มากกว่าสหรัฐฯ ที่ลงมือทำมากมายเพื่อสร้างระบบดังกล่าวขึ้นมา และหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนที่เป็นมิตรมากกว่าสำหรับประเทศต่างๆ อีก 85%  ที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ความหวังของการเข้ามาแทนที่สหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจแต่เพียงผู้เดียวอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม 

ทั้งสองประเทศแยกตัวไม่พึ่งพากันและกันนับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้าครั้งแรกของทรัมป์เมื่อปี 2018 แต่จีนทำได้มีประสิทธิภาพกว่า นอกจากนี้สีจิ้นผิงยังใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าอื่น ขณะที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ลงโทษพันธมิตรด้วยภาษีศุลกากรที่น้อยกว่าที่เรียกเก็บจากจีน 

แม้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจจีนจะกำลังมีปัญหา แต่การค้าระหว่างประเทศไม่ใช่หนึ่งในนั้น หากสงครามการค้าจะยืดเยื้อยาวนาน จีนได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว  

Photo by Jim WATSON and PETER KLAUNZER / various sources / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์