เดือนนี้เป็นเดือนที่นักอุตุนิยมวิทยาขององค์การนาซาบอกว่าอาจจะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในโลกในรอบหลายร้อยหรือหลายพันปี ขณะนี้หลายประเทศทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียอย่างจีนและญี่ปุ่นกำลังเผชิญความร้อนในระดับทะลุปรอทจนเกิดการสูญเสียชีวิตเพราะสภาพอากาศร้อนไปก็ไม่น้อยแล้ว
แต่ที่ว่าร้อนๆ กันอยู่นี้ก็ยังไม่เท่าความร้อนแบบไม่ปรานีของ Death Valley หรือหุบเขามรณะ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร้อนที่สุดในโลก โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) อุณหภูมิที่นั่นทะลุไปถึง 125.6 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 52 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะทวีความร้อนขึ้นไปถึง 55 องศาเซลเซียส เนื่องจากคลื่นความร้อนกำลังแผ่ปกคลุมทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ
Death Valley คือทะเลทรายทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ทอดตัวยาวตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐเนวาดา อุณหภูมิเฉลี่ยของที่นี่ในช่วงฤดูร้อนจะอยู่ที่ราว 45 องศาเซลเซียส
การบันทึกสถิติของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ซึ่งอ้างอิงข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาโลก ยกให้ Death Valley แห่งนี้เป็นสถานที่ที่อุณหภูมิสูงที่สุดในโลก โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 134 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 56.7 องศาเซลเซียส วัดได้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1913 ในจุดที่เรียกว่า กรีนแลนด์แรนช์ (Greenland Ranch)
ขณะที่อุณหภูมิพื้นผิวใน Death Valley นั้นสูงกว่าอีก เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1972 อุณหภูมิพื้นผิวขยับไปอยู่ที่ 201 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 93.9 องศาเซลเซียส ซึ่งอีกไม่ถึง 7 องศาเซลเซียสก็จะถึงจุดเดือดแล้ว
แต่ที่ว่าร้อนๆ กันอยู่นี้ก็ยังไม่เท่าความร้อนแบบไม่ปรานีของ Death Valley หรือหุบเขามรณะ ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ร้อนที่สุดในโลก โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16 ก.ค.) อุณหภูมิที่นั่นทะลุไปถึง 125.6 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 52 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะทวีความร้อนขึ้นไปถึง 55 องศาเซลเซียส เนื่องจากคลื่นความร้อนกำลังแผ่ปกคลุมทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ
Death Valley คือทะเลทรายทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ทอดตัวยาวตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐเนวาดา อุณหภูมิเฉลี่ยของที่นี่ในช่วงฤดูร้อนจะอยู่ที่ราว 45 องศาเซลเซียส
การบันทึกสถิติของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส์ซึ่งอ้างอิงข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาโลก ยกให้ Death Valley แห่งนี้เป็นสถานที่ที่อุณหภูมิสูงที่สุดในโลก โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 134 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 56.7 องศาเซลเซียส วัดได้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1913 ในจุดที่เรียกว่า กรีนแลนด์แรนช์ (Greenland Ranch)
ขณะที่อุณหภูมิพื้นผิวใน Death Valley นั้นสูงกว่าอีก เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1972 อุณหภูมิพื้นผิวขยับไปอยู่ที่ 201 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 93.9 องศาเซลเซียส ซึ่งอีกไม่ถึง 7 องศาเซลเซียสก็จะถึงจุดเดือดแล้ว

อย่างไรก็ดี นอกจาก Death Valley แล้ว ยังมีสถานที่อีกสองสามแห่งที่ถูกพูดถึงว่าร้อนที่สุดในโลกนั่นคือ ที่เมืองเอล-อาซิเซียของลิเบียที่อุณหภูมิสูงถึง 57.8 องศาเซลเซียสในวันที่ 13 กันยายน 1922 แต่ภายหลังถูกยึดตำแหน่งคืนเนื่องจากมีการตั้งคำถามถึงความถูกต้องแม่นยำของการตรวจวัดอุณหภูมิ
การตรวจสอบขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเมื่อปี 2012 ได้ข้อสรุปว่า อุณหภูมิของเอล-อาซิเซียอาจสูงกว่าอุณหภูมิที่ถูกต้องถึง 7 องศาเซลเซียส เนื่องจากหลายปัจจัย รวมทั้งพื้นผิวที่ตั้งจุดตรวจวัดนั้นลักษณะเหมือนยางมะตอยซึ่งดูดความร้อน
แรนดี เซอ์เวนี (Randy Cerveny) สมาชิกองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและอาจารย์ด้านภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอริโซนาสเตท ระบุว่า “เรายอมรับว่า (เมื่อปี 1913) Death Valley เป็นสถานที่มีอุณภูมิสูงอย่างมากบนโลกใบนี้ เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีรวมถึงการเก็บตัวอย่างจากในพื้นที่ ส่งผลให้หลักฐานหลายอย่างบ่งชี้ว่าครั้งหนึ่ง Death Valley เคยมีอุณหภูมิสูงถึง 56 องศาเซลเซียสเมื่อกว่า 103 ปีที่แล้ว ซึ่งหากมีการพบหลักฐานใหม่เราก็พร้อมพิจารณาว่าอาจมีสถานที่ที่อุณหภูมิสูงกว่านี้”
การตรวจสอบขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเมื่อปี 2012 ได้ข้อสรุปว่า อุณหภูมิของเอล-อาซิเซียอาจสูงกว่าอุณหภูมิที่ถูกต้องถึง 7 องศาเซลเซียส เนื่องจากหลายปัจจัย รวมทั้งพื้นผิวที่ตั้งจุดตรวจวัดนั้นลักษณะเหมือนยางมะตอยซึ่งดูดความร้อน
แรนดี เซอ์เวนี (Randy Cerveny) สมาชิกองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและอาจารย์ด้านภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอริโซนาสเตท ระบุว่า “เรายอมรับว่า (เมื่อปี 1913) Death Valley เป็นสถานที่มีอุณภูมิสูงอย่างมากบนโลกใบนี้ เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีรวมถึงการเก็บตัวอย่างจากในพื้นที่ ส่งผลให้หลักฐานหลายอย่างบ่งชี้ว่าครั้งหนึ่ง Death Valley เคยมีอุณหภูมิสูงถึง 56 องศาเซลเซียสเมื่อกว่า 103 ปีที่แล้ว ซึ่งหากมีการพบหลักฐานใหม่เราก็พร้อมพิจารณาว่าอาจมีสถานที่ที่อุณหภูมิสูงกว่านี้”
ที่อื่นน่าจะร้อนกว่า
หลายคนอาจสงสัยว่าสถานที่อื่น อาทิ ทะเลทรายซาฮารา หรือสถานที่ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่านี้ น่าจะร้อนกว่าที่ Death Valley เรเชล ไวท์ (Rachel White) ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์ด้านโลก มหาสมุทร และชั้นบรรยากาศของมหาวิทยาลัยบริติชโคลอมเบียอธิบายว่า สถานที่ที่อยู่ใกล้หรืออยู่บนเส้นศูนย์สูตรอาจจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าตลอดทั้งปี แต่เนื่องจากมีฤดูกาลที่อากาศไม่เอื้ออำนวย จึงมีโอกาสน้อยที่อุณหภูมิจะร้อนจัดในฤดูร้อน ส่วนในทะเลทรายซาฮารา โดยเฉพาะในจุดที่ร้อนมากๆ เป็นเรื่องยากที่จะไปที่นั่นเพื่อบันทึกอุณหภูมิหรือแม้แต่การติดตั้งสถานีตรวจวัดอากาศเคลื่อนที่
รู้ว่าร้อนแต่คงต้องขอลอง
แต่ถึงจะร้อนจนแทบจะไหม้แบบนั้นก็ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย (ปีละราว 1.1 ล้านคน) มาเยือน Death Valley โดยราว 1 ใน 5 จะไปในเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน เพราะต้องการสัมผัสความท้าทายของอุณหภูมิ จุดที่เป็นแลนด์มาร์กสำหรับการแชะภาพอยู่ที่ Furnace Creek ที่ติดตั้งเทอร์โมมิเตอร์ดิจิทัลแสดงอุณหภูมิกันสดๆ ร้อนๆ นักท่องเที่ยวบางคนถึงกับสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์ท้าความร้อนถ่ายรูปขำๆ กันเลยอย่างไรก็ดี ถึงจะเปิดให้ท่องเที่ยวได้แต่ทางอุทยานก็มีคำเตือนและข้อควรปฏิบัติมากมาย อาทิ ดื่มน้ำมากๆ และพกน้ำติดตัว เลี่ยงการปีนเขาและห้ามปีนเขาหลัง 10 โมงเช้า หากเกิดอาการป่วยเกี่ยวกับหัวใจให้หาที่เย็นๆ และขอความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นทางอุทยานก็บอกไว้ตั้งแต่แรกว่า อย่าคาดหวังการช่วยเหลือกู้ภัย เพราะนักท่องที่ยวที่หลงทางอาจไม่ได้รับการช่วยหลือทันเวลา แถมหากเกิดเหตุฉุกเฉินจนต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ สภาพอากาศที่ร้อนจัดก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการขึ้นลง