ทรัมป์สัมภาษณ์อะไรบ้าง? TIME ยกเป็น ‘บุคคลแห่งปี 2024’

13 ธ.ค. 2567 - 05:50

  • ทรัมป์ขึ้นปกนิตยสาร TIME เป็นครั้งที่ 2 ได้รับเลือกเป็น ‘บุคคลแห่งปี 2024’ พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นสำคัญต่างๆ

  • ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะการเลือกตั้ง และแผนการดำเนินงานคร่าวๆ ที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลของเขา รวมถึงทิศทางของสงครามรัสเซียยูเครน และตะวันออกกลาง

donald-trumps-2024-person-of-the-year-interview-with-time-SPACEBAR-Hero.jpg

นิตยสาร TIME เลือกว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้เป็น ‘บุคคลแห่งปี 2024’ ที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อกิจการทั่วโลก ‘ไม่ว่าจะดีหรือร้าย’ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับ TIME ในหลากหลายประเด็นอีกด้วย 

ทรัมป์เคยได้รับเลือกครั้งแรกในปี 2016 หลังจากที่เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 อย่างไม่คาดฝัน สำหรับในครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาอย่างน่าทึ่งและทรงพลังที่อาจพลิกโฉมการเมืองอเมริกันยุคใหม่ 

ในระหว่างการสัมภาษณ์ ทรัมป์ได้พูดคุยถึงชัยชนะในการเลือกตั้ง เศรษฐกิจ และสถานการณ์ในยูเครน รวมถึงในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ เขายังพูดถึงแผนการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นแผนการเนรเทศผู้อพยพหลายล้านคน และการอภัยโทษจำเลยที่ก่อเหตุจราจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ตลอดจนอนาคตของ MAGA (Make America Great Again) ขบวนการเคลื่อนไหวที่สนับสนุนทรัมป์ 

ทรัมป์พูดถึงชัยชนะในการเลือกตั้งว่า “ผมคิดว่าเราหาเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ผมเรียกมันว่า ‘72 วันแห่งความดุเดือด’ ไม่มีวันหยุด ไม่มีการพัก หากทำผิดพลาด สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงไปอีกในระดับที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นคุณจะทำผิดพลาดไม่ได้ และผมคิดว่าเราทำได้ดีจริงๆ เราพยายามอย่างเต็มที่...” 

“เราพูดสิ่งที่อยู่ในใจของคนทั้งประเทศ ผมคิดว่าพรรคเดโมแครตไม่เข้าใจ...ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเข้าใจความรู้สึกของประเทศ ประเทศโกรธเคืองเพราะการอพยพเข้าเมือง เพราะผู้คนหลายล้านคน...พวกเขาอนุญาตให้ใครก็ตามเข้ามาในประเทศของเรา ตอนนี้พวกเขาเปิดมันอีกครั้ง...พวกเขากำลังไหลบ่าเข้ามาในเม็กซิโกและที่อื่นๆ...”

“ผมคิดว่าเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ”

“ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการส่งขีปนาวุธหลายร้อยไมล์เข้าไปในรัสเซีย ทำไมเราถึงทำเช่นนั้น เรากำลังทำให้สงครามครั้งนี้รุนแรงขึ้นและเลวร้ายลง มันไม่ควรปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้แค่ใช้ขีปนาวุธเท่านั้น แต่ยังใช้อาวุธประเภทอื่นด้วย และผมคิดว่านั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่” 

เมื่อถูกถามว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียหรือไม่นับตั้งแต่การเลือกตั้ง ทรัมป์ก็ปฏิเสธที่จะบอกรายละเอียด นอกจากนี้ยังถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาจะ ‘ทอดทิ้ง’ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน หรือไม่ 

“ผมต้องการบรรลุข้อตกลง และวิธีเดียวที่จะบรรลุข้อตกลงได้คือ ‘ต้องไม่ทอดทิ้ง’ สงครามครั้งนี้เป็น ‘โศกนาฏกรรม’ ที่มีผู้เสียชีวิต ‘จำนวนมาก’ ทั้งสองฝ่าย...จำนวนทหารที่เสียชีวิตในเดือนที่ผ่านมาเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ทั้งทหารรัสเซียและทหารยูเครน และจำนวนก็ใกล้เคียงกันมาก...”

‘ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง’ กับนโยบายขีปนาวุธใหม่ของไบเดนในยูเครน

สำหรับการอภัยโทษดังกล่าวนั้น ทรัมป์เผยว่าจะเน้นอภัยโทษษผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อ ‘อาชญากรรมไม่รุนแรง’ โดยจะพิจารณาเป็นรายกรณี “...คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก ผมคิดว่าพวกเขาไม่ควรถูกลงโทษอย่างหนัก”  

ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า มีผู้ต้องหาเกือบ 1,200 คนที่รับสารภาพผิดหรือถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และผู้ต้องหามากกว่า 645 คนถูกสั่งให้รับโทษจำคุก

ทรัมป์จะใช้กำลังทหารในการเนรเทศจำนวนมากในระดับสูงสุด

ทรัมป์เชื่อว่าการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในสหรัฐฯ เป็น ‘การรุกรานประเทศ’ พร้อมถึงแผนการที่จะใช้กองทัพเพื่อเนรเทศผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และกล่าวว่าเขาจะผลักดันการใช้กองกำลังติดอาวุธสหรัฐฯ ระดับสูงสุดตามที่กฎหมายอนุญาต “ผมจะทำเท่าที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น” 

ทรัมป์ยังบอกด้วยว่าเขาอาจสร้างสถานกักกันใหม่เพื่อใช้กักขังผู้อพยพในขณะที่เขากำลังเจรจากับประเทศอื่นๆ เพื่อรับผู้อพยพที่ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ และขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากพันธมิตรอีกครั้งหากพวกเขาไม่ยินยอมที่จะรับผู้ที่ถูกเนรเทศกลับประเทศ 

“ผมต้องการให้พวกเขาออกไป และประเทศต่างๆ จะต้องรับพวกเขากลับคืนไป แต่หากประเทศเหล่านั้นไม่รับพวกเขากลับคืนไป เราก็จะไม่ทำธุรกิจกับประเทศเหล่านั้น และเราจะเรียกเก็บภาษีจากประเทศเหล่านั้นในอัตราที่สูง เมื่อพวกเขาส่งสินค้าเข้ามา ประเทศเหล่านั้นจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง และนั่นจะทำให้ประเทศเหล่านั้นทำธุรกิจกับเราได้ยากขึ้นมาก”

จำเลยจากเหตุจราจลบุกรัฐสภา 6 มกราคม 2021 จะได้อภัยโทษเป็นรายกรณี

สำหรับการอภัยโทษดังกล่าวนั้น ทรัมป์เผยว่าจะเน้นอภัยโทษษผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อ ‘อาชญากรรมไม่รุนแรง’ โดยจะพิจารณาเป็นรายกรณี “...คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก ผมคิดว่าพวกเขาไม่ควรถูกลงโทษอย่างหนัก”  

ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมระบุว่า มีผู้ต้องหาเกือบ 1,200 คนที่รับสารภาพผิดหรือถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และผู้ต้องหามากกว่า 645 คนถูกสั่งให้รับโทษจำคุก

‘ทางเลือกอื่น’ สำหรับแนวทางสองรัฐในตะวันออกกลาง

เมื่อถูกถามว่าเขาสนับสนุน ‘แนวทางสองรัฐระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หรือไม่’ ทรัมป์ตอบว่าเขาสนับสนุน ‘แนวทางแก้ไขใดๆ ก็ตามที่เราสามารถทำเพื่อสร้างสันติภาพ’ พร้อมบอกอีกว่ามี ‘ทางเลือกอื่นๆ’ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน 

“ผมสนับสนุนทุกวิถีทางที่เราสามารถทำได้เพื่อนำไปสู่สันติภาพ มีแนวคิดอื่นๆ นอกเหนือจากแนวคิดสองรัฐ...สันติภาพจะดำเนินต่อไปไม่ได้หากต้องพบกับโศกนาฏกรรมทุกๆ 5 ปี มันมีทางเลือกอื่นๆ อีก”  

“ผมต้องการสันติภาพที่ยั่งยืน สันติภาพที่เราจะไม่ต้องพบกับเหตุการณ์แบบเมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ในอีก 3 ปีข้างหน้า และมีหลายวิธีที่จะทำได้ คุณสามารถทำแบบสองรัฐได้ แต่ก็มีหลายวิธีที่จะทำได้” ทรัมป์ กล่าว 

Photo by Platon for TIME / TIME / TIME Person of the Year / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์