สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Pope Francis) สิ้นพระชนม์แล้วด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา ขณะกำลังฟื้นตัวจากอาการปอดอักเสบทั้งสองข้างก่อนหน้านี้
การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ตาม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีต่างๆ ในคริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิก ทั้งการจัดเตรียมพิธีมิสซาบังสุกุล การฝังพระศพของพระองค์ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ตลอดจนการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป
SPACEBAR พาไปดูกระบวนการในการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ว่าต้องผ่านขั้นตอนไหนบ้าง...
การคัดเลือกพระสันตะปาปา

กระบวนการในการเลือกพระสันตะปาปาองค์ต่อไปหลังจากที่พระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ หรือลาออกนั้นเรียกว่า ‘การประชุมเลือกสันตะปาปา’ (Conclave) ซึ่งถูกใช้มาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว โดยการประชุมและการลงคะแนนเสียงมักจะเป็นความลับ และเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากพระสันตะปาปาองค์ก่อนสิ้นพระชนม์
- ใครที่มีสิทธิ์ได้รับเลือก? -
ตามธรรมเนียมแล้ว ชายโรมันคาธอลิกทุกคนสามารถถูกรับเลือกเป็นพระสันตะปาปาได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุในการดำรงตำแหน่ง แต่ตั้งแต่ปี 1379 เป็นต้นมา พระสันตะปาปาทุกพระองค์จะได้รับเลือกจากคณะพระคาร์ดินัล (สมณศักดิ์ชั้นสูงสุดรองจากพระสันตะปาปา) ซึ่งทำหน้าที่ลงคะแนนเสียงในการประชุมลับ
พระคาร์ดินัลจำนวนมากมักจะเป็นบิชอป (มุขนายก) และอาร์ชบิชอป (อัครมุขนายก) ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระสันตะปาปาเพื่อช่วยเหลือในประเด็นทางศาสนา บางองค์จะทำงานที่วาติกัน แต่ส่วนใหญ่กระจายอยู่ทั่วโลกและบริหารสังฆมณฑล
เมื่อถึงเวลาลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ พระคาร์ดินัลทุกองค์ที่อายุต่ำกว่า 80 ปีจะเดินทางไปกรุงโรมเพื่อเข้าร่วมพิธี
- การประชุมลับ... -

เมื่อพระคาร์ดินัลทั้งหมดมาถึงพร้อมกันแล้ว การประชุมเลือกสันตะปาปาก็จะเริ่มต้นด้วยพิธีมิสซาพิเศษในตอนเช้าที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ส่วนในช่วงบ่าย พระคาร์ดินัลจะไปรวมที่โบสถ์น้อยซิสตินเพื่อเริ่มกระบวนการลงคะแนนเสียง โดยเริ่มจากการสวดภาวนาวิงวอนขอให้บรรดานักบุญและพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเลือกพระสันตะปาปา
กระบวนการนี้ถือเป็นความลับอย่างยิ่ง โบสถ์แห่งนี้จะถูกตรวจค้นอุปกรณ์ดักฟัง รวมถึงกล้องก่อนและหลังการประชุม การลงคะแนนเสียงดังกล่าวจะต้องปิดประตูห้อง นอกจากนี้ พระคาร์ดินัลก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุย หรือเปิดเผยข้อมูล หากทำเช่นนั้น อาจถูกขับออกจากนิกายได้
- การคัดเลือกใช้เวลานานเท่าใด -

ในวันแรกจะมีการลงคะแนนเสียงเพียงครั้งเดียว และหลังจากนั้นสามารถลงคะแนนเสียงได้สูงสุด 4 รอบต่อวัน พระคาร์ดินัลผู้ได้รับเลือกจำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 จึงจะชนะ และกลายเป็น ‘พระสันตะปาปาองค์ใหม่’
หากไม่มีใครได้รับเลือกหลังจากผ่านไป 3 วัน การลงคะแนนเสียงจะหยุดชะงักเป็นเวลาสูงสุด 1 วัน และจะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง และหากไม่มีการเลือกพระสันตะปาปาอีกหลังจากมีการลงคะแนนเสียงอีก 7 ครั้ง การลงคะแนนเสียงจะหยุดลงอีก และเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าการลงคะแนนเสียงจะผ่านไปประมาณ 12 วัน
หากไม่มีใครได้รับเลือกหลังจากผ่านไป 33 รอบ ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการรอบสอง โดยที่คณะพระคาร์ดินัลจะเลือกผู้สมัคร 2 อันดับแรกภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงนำมาใช้ ซึ่งแตกต่างจากรอบก่อนๆ โดยที่ผู้สมัคร 2 คนนี้ไม่สามารถลงคะแนนเสียงได้
อย่างไรก็ดี การประชุมเลือกพระสันตะปาปาเคยใช้เวลาหลายเดือน โดยการประชุมที่ยาวนานที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ก็คือ ‘การประชุมเพื่อเลือกเกรกอรีที่ 10’ ในศตวรรษที่ 13 ซึ่งกินเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 1268 จนถึงเดือนกันยายนปี 1271 เนื่องจากการทะเลาะวิวาทภายในและการแทรกแซงจากภายนอก
- กระบวนการโหวต -
(1) หลังจากพระคาร์ดินัลเข้ามารวมอยู่ในห้องประชุมภายในโบสถ์น้อยซิสตินแล้ว จะมีการแจกบัตรลงคะแนนเสียงให้กับพระคาร์ดินัลแต่ละองค์ เป็นบัตรรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ครึ่งบนจะมีคำว่า ‘Eligo in Summun Pontificem’ (ภาษาละติน แปลว่า ‘ข้าพเจ้าเลือกเป็นพระสันตะปาปาสูงสุด’) พระคาร์ดินัลจะเขียนชื่อผู้ได้รับเลือกไว้ด้านล่างคำนี้ แต่พระคาร์ดินัลไม่สามารถลงคะแนนเสียงให้ตัวเองได้
(2) เมื่อเขียนชื่อผู้ที่ต้องการเลือกแล้วจะต้องพับกระดาษ 2 ทบ จากนั้น พระคาร์ดินัลแต่ละองค์ตามลำดับอาวุโสจะเดินไปที่แท่นบูชาเพื่อหย่อนบัตรลงคะแนนในถ้วยโถเงินและทองทรงวงรีที่ใช้ในพิธีสวดของคริสเตียน
(3) ขั้นตอนต่อไป ผู้ตรวจบัตรลงคะแนน 3 คนจะเปิดบัตรลงคะแนนทีละใบ โดยจะจดชื่อและอ่านคะแนนออกเสียงให้พระคาร์ดินัลฟัง
(4) ในขณะที่ผู้ตรวจอ่านชื่อแต่ละชื่อ เขาจะแทงบัตรลงคะแนนแต่ละใบด้วยเข็มผ่านคำว่า ‘eligo’ (ภาษาละติน แปลว่า ‘ฉันเลือก’) จากนั้นจะมัดบัตรลงคะแนนด้วยด้ายและผูกปม แล้วนำไปเผาในเตาโบสถ์พร้อมกับสารเคมีก่อควัน พร้อมปล่อยควันให้ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกมองเห็นได้ ซึ่งโดยปกติควันจะเปลี่ยนจาก ‘สีดำเป็นสีขาว’ เมื่อได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่
แต่หากยังไม่สามารถเลือกตั้งพระสันตะปาปาได้ บัตรลงคะแนนจะถูกเผาพร้อมกับสารเคมีที่ทำให้ควันกลายเป็นสีดำ
- การปรากฏตัวของ ‘พระสันตะปาปาองค์ใหม่’ -

เมื่อผู้สมัครองค์ใดองค์หนึ่งได้รับคะแนนเสียงข้างมากตามที่กำหนดแล้ว ก็จะถูกถามว่า “ท่านยอมรับการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเป็นพระสันตะปาปาหรือไม่” เมื่อทรงยินยอมแล้ว จะถามพระสันตะปาปาองค์ใหม่ต่อว่า “ท่านต้องการให้เราเรียกชื่อท่านว่าอะไร” หลังจากที่พระองค์เลือกชื่อแล้ว พระคาร์ดินัลองค์อื่นๆ ก็จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่เพื่อแสดงความเคารพ
นอกจากนี้ พระสันตะปาปาองค์ใหม่ยังต้องสวมเสื้อคลุมใหม่ด้วย ซึ่งช่างตัดเสื้อของพระสันตะปาปาจะเตรียมเสื้อผ้าไว้สำหรับสวมให้พระสันตะปาปาทุกขนาด ไม่ว่าจะเล็ก กลาง หรือใหญ่ แต่ก็อาจต้องปรับเปลี่ยนในนาทีสุดท้าย
ตามธรรมเนียมแล้ว ประมาณ 30-60 นาทีหลังจากที่ควันขาวปรากฏแก่สายตาชาวโลก พระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะปรากฏตัวบนระเบียงที่มองเห็นจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ จากนั้นพระคาร์ดินัลจะประกาศคำว่า ‘Habemus Papam’ (ภาษาละติน แปลว่า ‘เรามีพระสันตปาปาแล้ว’) พร้อมกับเผยชื่อของพระสันตะปาปาองค์ใหม่
จากนั้นพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ และสวดภาวนาให้พรตามประเพณี โดยพิธีราชาภิเษกอย่างเป็นทางการของพระองค์จะเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากได้รับเลือก
