ทุกๆ 5 ปีสิงคโปร์จะทบทวนเงินเดือนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด ซึ่งการทบทวนอีกครั้งหนึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้
SPACEBAR จะพาไปดูวิธีคำนวณค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสิงคโปร์
ส่วนเงินเดือนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ จะพิจารณาจากอัตราส่วนเงินเดือนต่อ MR4 โดยอัตราส่วนเงินเดือนจะสะท้อนบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีจะได้รับเงินเดือนเป็น 2 เท่าของรัฐมนตรีระดับ MR4
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะได้รับเงินเดือนในตำแหน่งเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงกี่ตำแหน่งก็ตาม
ส่วนชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้สูงสุด 1,000 คนมีจากคนที่อยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารอาวุโส ตั้งแต่ซีอีโอไปจนถึงผู้จัดการทั่วไปในหลายอุตสาหกรรม เช่น ตัวแทนจากผู้ให้บริการทางการงิน รวมถึงนายธนาคาร ผู้บริหารและผู้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ อาทิ นักกฎหมาย นักบัญชี แพทย์ และวิศวกร
PSD ระบุว่า “หากมองที่ความรับผิดชอบของอาชีพที่ทั้ง 1,000 คนประกอบ นี่เป็นระดับที่สมเหตุสมผลซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและความสามารถของผู้คนที่สิงคโปร์พยายามดึงเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพื่อให้มีรัฐบาลที่ดีต่อไป”
รัฐมนตรีจะเริ่มต้นจากเงินเดือนต่ำสุดของระดับ MR4 ซึ่งได้เงินเดือนเดือนละ 46,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ (1,175,456 บาท) หรือปีละ 935,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (23,504,920 บาท) ซึ่งแบ่งเป็นส่วนของรายได้ประจำ 607,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ (15,278,485 บาท) ส่วนที่หลือเป็นรายได้ผันแปร
เกณฑ์มาตรการเงินเดือนอยู่ที่ 55,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (1,382,668 บาท) หรือปีละ 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (27,647,924 บาท) ซึ่งแบ่งเป็นส่วนรายได้ประจำ 715,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (17,971,150 บาท) ส่วนที่เหลือเป็นรายได้ผันแปร
โบนัสของชาติขึ้นอยู่กับตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจและสังคม 4 ตัวที่ชั่งน้ำหนักเท่าๆ กัน ได้แก่ อัตราการเติบโตของรายได้ที่แท้จริงของชาวสิงคโปร์โดยเฉลี่ย อัตราการเติบโตของรายได้ที่แท้จริงของผู้มีรายได้ชาวสิงคโปร์ที่อยู่ใน 20% ของชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้น้อยที่สุด อัตราการว่างงานของชาวสิงคโปร์ และอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริง
เกณฑ์มาตรฐานใหม่ส่งผลให้เงินเดือนของบรรดานักการเมืองลดลง นอกจากนี้ยังมีการตัดเงินบำนาญ ซึ่งทำให้เงินเดือนรายปีของรัฐมนตรีลดลง 37% มาอยู่ที่ 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (27,647,924 บาท) ส่วนเงินเดือนรายปีของนายกรัฐมนตรีลดลง 36%
SPACEBAR จะพาไปดูวิธีคำนวณค่าตอบแทนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสิงคโปร์
เงินเดือนนักการเมืองคำนวณอย่างไร
หน่วยงานบริหารบุคลากรภาครัฐของสิงคโปร์ (PSD) ระบุว่า เงินเดือนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเงินเดือนของภาคเอกชน โดยเกณฑ์มาตรฐานสำหรับรัฐมนตรีระดับเริ่มต้น (MR4) คำนวณจากค่าเฉลี่ยของรายได้ของชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้สูงสุด 1,000 คน แล้วนำมาหักลดลง 40% เพื่อให้สะท้อนถึงหลักการของการบริการสาธารณะส่วนเงินเดือนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ จะพิจารณาจากอัตราส่วนเงินเดือนต่อ MR4 โดยอัตราส่วนเงินเดือนจะสะท้อนบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น นายกรัฐมนตรีจะได้รับเงินเดือนเป็น 2 เท่าของรัฐมนตรีระดับ MR4
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะได้รับเงินเดือนในตำแหน่งเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงกี่ตำแหน่งก็ตาม
ทำไมเกณฑ์เงินเดือนจึงคำนวณแบบนี้
PSD ระบุว่า แม้ว่าคุณสมบัติประการแรกที่รัฐบาลมองหาจากผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองคือ สำนึกในการบริการสาธารณะ แต่สิ่งนี้ "ไม่เพียงพอที่จะบริหารประเทศได้ดี" รัฐบาลยังมองหาคุณสมบัติอื่นๆ ร่วมด้วย อาทิ ความสามารถในการบริหารจัดการและความเป็นผู้นำ ความสามารถในการจัดการกับความรับผิดชอบที่หลากหลาย ความสามารถในการแก้ปัญหาและรับผิดชอบในภาวะวิกฤต และความสามารถในการยืนหยัดต่อผู้นำโลกและผลประโยชน์ของสิงคโปร์ส่วนชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้สูงสุด 1,000 คนมีจากคนที่อยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารอาวุโส ตั้งแต่ซีอีโอไปจนถึงผู้จัดการทั่วไปในหลายอุตสาหกรรม เช่น ตัวแทนจากผู้ให้บริการทางการงิน รวมถึงนายธนาคาร ผู้บริหารและผู้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ อาทิ นักกฎหมาย นักบัญชี แพทย์ และวิศวกร
PSD ระบุว่า “หากมองที่ความรับผิดชอบของอาชีพที่ทั้ง 1,000 คนประกอบ นี่เป็นระดับที่สมเหตุสมผลซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและความสามารถของผู้คนที่สิงคโปร์พยายามดึงเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพื่อให้มีรัฐบาลที่ดีต่อไป”
รัฐมนตรีได้เงินเดือนเท่าไร
เงินดือนของนักการเมืองประกอบด้วยรายได้ประจำและรายได้ผันแปรดังนี้- ส่วนของรายได้ประจำ 13 เดือน
- ส่วนของรายได้ผันแปรรายปี ส่วนใหญ่อยู่ที่ 1 เดือน
- โบนัสจากผลงานส่วนบุคคล หากมีผลงานดีจะอยู่ที่ 3 เดือน
- โบนัสของชาติ หากสามารถบรรลุเป้าหมายจะอยู่ที่ 3 เดือน
รัฐมนตรีจะเริ่มต้นจากเงินเดือนต่ำสุดของระดับ MR4 ซึ่งได้เงินเดือนเดือนละ 46,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ (1,175,456 บาท) หรือปีละ 935,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (23,504,920 บาท) ซึ่งแบ่งเป็นส่วนของรายได้ประจำ 607,750 ดอลลาร์สิงคโปร์ (15,278,485 บาท) ส่วนที่หลือเป็นรายได้ผันแปร
เกณฑ์มาตรการเงินเดือนอยู่ที่ 55,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (1,382,668 บาท) หรือปีละ 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (27,647,924 บาท) ซึ่งแบ่งเป็นส่วนรายได้ประจำ 715,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (17,971,150 บาท) ส่วนที่เหลือเป็นรายได้ผันแปร
แล้วนายกรัฐมนตรีเงินเดือนเท่าไร
ตามอัตราเงินเดือน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ได้เงินเดือนต่อปีเป็น 2 เท่าของเกณฑ์มาตรฐานของรัฐมนตรีระดับ MR4 หรือราว 2.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (55,287,431 บาท) ส่วนของโบนัสนั้นเนื่องจากไม่มีใครตัดสินผลการทำงานของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นโบนัสของนายกรัฐมนตรีจึงขึ้นอยู่กับโบนัสของชาติโบนัสของชาติขึ้นอยู่กับตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจและสังคม 4 ตัวที่ชั่งน้ำหนักเท่าๆ กัน ได้แก่ อัตราการเติบโตของรายได้ที่แท้จริงของชาวสิงคโปร์โดยเฉลี่ย อัตราการเติบโตของรายได้ที่แท้จริงของผู้มีรายได้ชาวสิงคโปร์ที่อยู่ใน 20% ของชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้น้อยที่สุด อัตราการว่างงานของชาวสิงคโปร์ และอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริง
แล้วประธานาธิบดีล่ะ
ประธานาธิบดีได้รับเงินเดือนเท่ากับนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเงินเดือนเดือนที่ 13 รายได้ผันแปรรายปี แต่จะไม่ได้รับโบนัสทั้งในส่วนของผลงานส่วนตัวและโบนัสของชาติ (เนื่องจากประธานาธิบดีเป็นเพียงประมุขแห่งรัฐ ไม่ได้รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายของชาติ รวมทั้งไม่มีหน้าที่โดยตรงในการปกครองประเทศ) ซึ่งรวมแล้วประธานาธิบดีได้รับเงินเดือนรวม 1.54 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (38,687,381 บาท)การทบทวนเมื่อปี 2011 เป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนการทบทวนเมื่อปี 2011 เกณฑ์มาตรฐานที่จะใช้คำนวณมาจากเงินเดือนของคนพียง 48 คนซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ ผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวร และชาวมาเลเซียที่ทำงานในสิงคโปร์ สภาสิงคโปร์จึงเห็นชอบตามที่คณะกรรมการทบทวนอิสระเสนอแนะว่าให้เพิ่มจำนวนคนเป็น 1,000 คน และเลือกเฉพาะชาวสิงคโปร์ที่ทำงานในสิงคโปร์เท่านั้นเกณฑ์มาตรฐานใหม่ส่งผลให้เงินเดือนของบรรดานักการเมืองลดลง นอกจากนี้ยังมีการตัดเงินบำนาญ ซึ่งทำให้เงินเดือนรายปีของรัฐมนตรีลดลง 37% มาอยู่ที่ 1.1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (27,647,924 บาท) ส่วนเงินเดือนรายปีของนายกรัฐมนตรีลดลง 36%