ปฏิเสธไม่ได้ว่าการก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ นั้นเป็นการกลับมาครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็มีคดีอาญาติดตัวรอการพิจารณาคดีอยู่ แต่ทำไมคนอเมริกันถึงยังลงคะแนนเสียงให้โอกาสเขาอีกครั้ง?
มีการคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าอาจเป็นเพราะเกิดเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์ถึง 2 ครั้งระหว่างที่เขาปราศรัยหาเสียง ประกอบกับคู่แข่งคนเดิมอย่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวออกไปเพียงไม่กี่เดือนก่อนวันเลือกตั้ง
แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแต่จากคะแนน Electoral vote ซึ่งทรัมป์ได้เกิน 270 เสียงก็ชี้ชัดแล้วว่า ‘เขาคือผู้ชนะในศึกครั้งนี้’ และชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในรัฐสมรภูมิเลือกตั้ง (Swing State) สำคัญๆ ต่างก็เลือกที่จะลงคะแนนให้เขา
“ตอนนี้พวกคุณมีชีวิตที่ดีกว่าเมื่อ 2 ปีก่อนหรือไม่?”
นี่เป็นคำถามที่ทรัมป์มักจะถามทุกครั้งที่เขาขึ้นปราศรัยหาเสียง
ผู้คนจำนวนมากที่ลงคะแนนเสียงให้ทรัมป์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘พวกเขารู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นมากในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง และพวกเขาเบื่อหน่ายกับการพยายามหาเลี้ยงชีพ’ แม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะเงินเฟ้อจะเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การระบาดของโควิด-19 แต่พวกเขากลับตำหนิรัฐบาลที่กำลังจะครบวาระ
ประเด็นเศรษฐกิจและการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลายเป็นข้อกังวลหลักของพลเมืองอเมริกัน เนื่องจากตัวเลขผู้อพยพเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ภายใต้รัฐบาลไบเดน ผู้สนับสนุนทรัมป์บอกว่าพวกเขาเพียงต้องการให้มีการบังคับใช้กฎหมายบริเวณชายแดนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเท่านั้น
“อเมริกาต้องมาก่อน” สำหรับทรัมป์สมัยที่ 2
ซึ่งดูจะเป็นอีกสโลแกนหนึ่งของทรัมป์ที่ถูกอกถูกใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งเสียจริง

ผู้คนทั่วประเทศทั้งฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาต่างก็บ่นถึงการที่สหรัฐฯ ในรัฐบาลไบเดนเอาเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐไปสนับสนุนยูเครน แทนที่จะเอาเงินพวกนั้นไปใช้ในประเทศมากกว่า
ส่วนเหตุผลที่คนอเมริกันไม่สามารถลงคะแนนเสียงให้กับแฮร์ริสซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของไบเดน เพราะพวกเขาเชื่อว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิม และพวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง
บางทีนี่อาจเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่แคนดิเดตซึ่งเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดกลับมามีอำนาจ แต่ตอนนั้น (ปี 2016) กับตอนนี้มีความแตกต่างกันหลายประการ
ย้อนกลับไปในปี 2016 ที่ทรัมป์ก้าวขึ้นสู่อำนาจครั้งแรก เขาเป็นนักธุรกิจไม่ใช่นักการเมืองโดยตรง แต่เขาก็มีทั้งที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่การเมืองที่มีประสบการณ์คอยชี้แนะแนวทางและควบคุมเกม ทว่าในตอนนี้ ดูเหมือนว่าทรัมป์จะไม่สนใจที่จะเล่นตามกฎอีกต่อไป
ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่เหล่านี้หลายคนออกมาพูดว่า “ทรัมป์เป็นคนโกหก” “พวกฟาสซิสต์” และ “ไม่เหมาะสม” พวกเขาเตือนว่าหากรอบตัวทรัมป์ห้อมล้อมไปด้วยผู้จงรักภักดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคาดหวัง จะไม่มีใครห้ามเขาจากแนวคิดสุดโต่งของเขาได้
แม้ที่ผ่านมาทรัมป์ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาในคดีอาญาที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทง แต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาก็ตัดสินแล้วว่าอดีตประธานาธิบดี (ในขณะนั้น) ได้รับการคุ้มครองอย่างสมบูรณ์จากการถูกดำเนินคดีใน ‘ข้อหาการกระทำอย่างเป็นทางการในขณะดำรงตำแหน่ง’ จึงเป็นเรื่องยากหากอัยการคนใดก็ตามพยายามที่จะฟ้องประธานาธิบดีในช่วงรัฐบาลชุดต่อไปได้
และในฐานะประธานาธิบดี ทรัมป์สามารถสั่งให้กระทรวงยุติธรรมยกเลิกข้อกล่าวหาของรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ได้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับโทษจำคุก และในเวลาเดียวกัน เขาก็สามารถอภัยโทษให้กับผู้คนหลายร้อยคนที่ถูกตัดสินจำคุกจากการมีส่วนร่วมในเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาได้
‘อเมริกา 2 เวอร์ชัน’...

ในท้ายที่สุดแล้ว พลเมืองจะได้เห็นอเมริกาใน 2 เวอร์ชันภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ (2016-2020) และ (2024-2029) อย่างที่ทรัมป์เคยปราศรัยกับชาวอเมริกันว่า ‘ประเทศของพวกเขาเป็นประเทศที่ล้มเหลว และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำให้ยิ่งใหญ่ขึ้นได้อีกครั้ง’
ในขณะที่แฮร์ริสเตือนว่า “หากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ประชาธิปไตยของอเมริกาจะเผชิญกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่” ซึ่งยังคงต้องรอดูกันต่อไป แต่สิ่งที่ทรัมป์พูดระหว่างหาเสียงไม่ได้ช่วยบรรเทาความกลัวของผู้คนได้เลย
ในตอนนี้ ชาวอเมริกันจะพบว่าสิ่งที่ทรัมป์พูดระหว่างหาเสียงนั้นเป็นเพียงการพูดเล่นๆ หรือไม่ “ทรัมป์ก็คือทรัมป์” และอย่าลืมว่า ไม่ใช่แค่ชาวอเมริกันเท่านั้นที่ต้องเผชิญกับความจริงของการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์
ส่วนอื่นๆ ของโลกจะได้รู้ว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” หมายความว่าอย่างไร ตั้งแต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจทั่วโลกจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 20% ที่เขาเสนอ ไปจนถึงสงครามในยูเครนและตะวันออกกลางที่เขาให้คำมั่นว่าจะยุติ ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะก็ตาม
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่สามารถดำเนินการตามแผนทั้งหมดได้ในสมัยแรก แต่สำหรับตอนนี้ เมื่อเขากลับมาอีกครั้งในสมัยที่สอง ประกอบกับภาระที่น้อยลงอย่างมาก อเมริกาและทั่วโลกจะได้เห็นว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง