เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ที่ผ่านมาสำหรับดินแดนกระทิงดุอย่าง ‘สเปน’ จนถึงบัดนี้ในวันอังคาร (25 ก.ค.) ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เหตุเพราะพรรคอันดับ 1 และแนวร่วมรัฐบาลที่เป็นฝ่ายชนะมีคะแนนเสียงไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อนับคะแนนทั้งหมดแล้วกลับพบว่า พรรคป๊อปปูลาร์ (PP) ของ อัลเบร์โต นุญเญซ เฟย์โฆโอ และฝ่ายขวาจัดอย่างพรรควอกซ์ (Vox) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่กันได้ที่นั่งทั้งหมด 169 ที่นั่ง แต่ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลและมีอำนาจในการครองกอร์เตสเฆเนราเลส (Cortes Generales) หรือรัฐสภาสเปนได้อยู่ดี
เมื่อนับคะแนนทั้งหมดแล้วกลับพบว่า พรรคป๊อปปูลาร์ (PP) ของ อัลเบร์โต นุญเญซ เฟย์โฆโอ และฝ่ายขวาจัดอย่างพรรควอกซ์ (Vox) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่กันได้ที่นั่งทั้งหมด 169 ที่นั่ง แต่ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลและมีอำนาจในการครองกอร์เตสเฆเนราเลส (Cortes Generales) หรือรัฐสภาสเปนได้อยู่ดี
เนื่องจากกฎหมายสเปนระบุไว้ว่า ‘พรรคหรือแนวร่วมรัฐบาลต้องได้เสียงข้างมาก 176 ที่นั่งในสภานิติบัญญัติ 350 ที่นั่ง’
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเดิมอย่างพรรคสังคมนิยมของซานเชซและพันธมิตรฝ่ายซ้ายจัดอย่างพรรคซูมาร์ (Sumar) ได้ที่นั่งไปเพียง 153 ที่นั่ง
เปโดร ซานเชซ นายกฯ สเปนและพรรคสังคมนิยมของเขาได้เริ่มการเจรจาไปแล้วเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.) ที่ผ่านมาเพื่อพยายามหาทางลงมติใหม่หลังจากผลการเลือกตั้งที่หาข้อสรุปไม่ได้ ส่งผลให้ขณะนี้สเปนอยู่ในภาวะ ‘สภาแขวน’ (รัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยในสภา)
“ทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายมีเส้นทางที่ยากลำบาก มีความเสี่ยง และไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลย” เฟเดริโก ซานติ นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองยูเรเซียกรุ๊ป (Eurasia Group) กล่าว
ขณะที่ เลธิเซีย โซแบรอน นักจิตวิทยาวัย 65 ปีกล่าวว่าเธอรู้สึกเสียใจกับความคิดที่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ “ฉันไม่รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่ มันต้องมีการหาเสียงแบบอื่น นี่ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นข้อเสนอ”
แต่ทั้งนี้พวกเขายังต้องเจรจาเรื่องการงดออกเสียงของพรรคแบ่งแยกดินแดนกาตาลุญญาอย่าง JxCat ซึ่งเรียกร้องให้มีการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งข้อตกลงนี้แหละที่น่าจะเป็นเส้นแดง (red line / อีกฝ่ายไม่พร้อมเจรจา) สำหรับซานเชซ
หากว่าทุกอย่างเป็นไปตามนี้และทุกพรรคที่ซานเชซไปเจรจามาตกลง ก็จะทำให้เขาสามารถรวบรวมสมาชิกสภานิติบัญญัติได้ 172 ที่นั่งซึ่งจะมากกว่าเฟย์โฆโอ และจะเพียงพอสำหรับการลงคะแนนเสียงในรัฐสภาครั้งที่ 2 ซึ่งต้องการเพียงเสียงข้างมากเท่านั้น
“มันยาก แต่มันเป็นทางเดียว” เฟเดริโก การ์เซีย บาร์โรโซ ไกด์นำเที่ยวมาดริดวัย 53 ปีกล่าวและเชื่อว่าซานเชซจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดใหม่ได้
มิฉะนั้น สเปนซึ่งจัดการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้งในระหว่างปี 2015-2019 อาจจะประสบปัญหาทางตันอีกครั้ง โดยผลที่ตามมาก็คือ ‘ต้องลงคะแนนเสียงใหม่’
เปโดร ซานเชซ นายกฯ สเปนและพรรคสังคมนิยมของเขาได้เริ่มการเจรจาไปแล้วเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ค.) ที่ผ่านมาเพื่อพยายามหาทางลงมติใหม่หลังจากผลการเลือกตั้งที่หาข้อสรุปไม่ได้ ส่งผลให้ขณะนี้สเปนอยู่ในภาวะ ‘สภาแขวน’ (รัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยในสภา)
“ทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายมีเส้นทางที่ยากลำบาก มีความเสี่ยง และไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จเลย” เฟเดริโก ซานติ นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองยูเรเซียกรุ๊ป (Eurasia Group) กล่าว
ขณะที่ เลธิเซีย โซแบรอน นักจิตวิทยาวัย 65 ปีกล่าวว่าเธอรู้สึกเสียใจกับความคิดที่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ “ฉันไม่รู้ว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่ มันต้องมีการหาเสียงแบบอื่น นี่ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นข้อเสนอ”
ทางออกนี้…มีหนทางเดียวเท่านั้น
เมื่อผลที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายรัฐบาลเดิมของซานเชซคาดไว้ ด้วยคะแนนเสียงซึ่งได้มาเพียง 153 ที่นั่ง ดังนั้น พรรคสังคมนิยมและพรรคซูมาร์จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากการจัดตั้งระดับภูมิภาค เช่น พรรค ERC ของกาตาลุญญา หรือพรรค EH Bildu ที่สนับสนุนเอกราชชาวบาสก์ (พรรคที่ถูกมองว่าเป็นทายาทของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธ ETA ที่ปัจจุบันยอมวางอาวุธแล้ว)แต่ทั้งนี้พวกเขายังต้องเจรจาเรื่องการงดออกเสียงของพรรคแบ่งแยกดินแดนกาตาลุญญาอย่าง JxCat ซึ่งเรียกร้องให้มีการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งข้อตกลงนี้แหละที่น่าจะเป็นเส้นแดง (red line / อีกฝ่ายไม่พร้อมเจรจา) สำหรับซานเชซ
หากว่าทุกอย่างเป็นไปตามนี้และทุกพรรคที่ซานเชซไปเจรจามาตกลง ก็จะทำให้เขาสามารถรวบรวมสมาชิกสภานิติบัญญัติได้ 172 ที่นั่งซึ่งจะมากกว่าเฟย์โฆโอ และจะเพียงพอสำหรับการลงคะแนนเสียงในรัฐสภาครั้งที่ 2 ซึ่งต้องการเพียงเสียงข้างมากเท่านั้น
“มันยาก แต่มันเป็นทางเดียว” เฟเดริโก การ์เซีย บาร์โรโซ ไกด์นำเที่ยวมาดริดวัย 53 ปีกล่าวและเชื่อว่าซานเชซจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดใหม่ได้
มิฉะนั้น สเปนซึ่งจัดการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้งในระหว่างปี 2015-2019 อาจจะประสบปัญหาทางตันอีกครั้ง โดยผลที่ตามมาก็คือ ‘ต้องลงคะแนนเสียงใหม่’
ให้โอกาสให้ผมได้พิสูจน์…อย่าปิดกั้นผมเลย!

ขณะที่ผู้ชนะการเลือกตั้งอย่าง เฟย์เฆโอ ก็ออกมายืนยันว่าเขามีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล
“ในฐานะผู้สมัครของพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ผมเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของผม…ที่จะพยายามปกครองประเทศของเรา ด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่ผมจะรับหน้าที่เปิดการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล” เฟย์เฆโอกล่าว พร้อมเรียกร้องให้พรรคสังคมนิยมอย่า ‘ปิดกั้น’ ความพยายามของเขา
หากปราศจากเสียงข้างมาก เฟย์เฆโอ จะพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการให้พรรคสังคมนิยมงดออกเสียงระหว่างการลงคะแนนเสียงในรัฐสภา ซึ่งแน่นอนว่าสังคมนิยมอาจจะทำตรงกันข้าม
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งในครั้งนี้ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากต่างประเทศเกี่ยวกับความเป็นไปได้ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ารัฐบาลฝ่ายขวาจัดจะถือครองอำนาจเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ระบอบเผด็จการฟรังโกที่สิ้นสุดลงในปี 1975
พรรควอกซ์ซึ่งปกครอง 3 แคว้นใน 17 แคว้นของสเปนร่วมกับพรรค PP ได้ให้คำมั่นว่าจะเลิกใช้กฎหมายเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ สิทธิของ LGBTQ การทำแท้ง และการุณยฆาต รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับความทรงจำในระบอบประชาธิปไตยที่ยกย่องเหยื่อจากการปกครองแบบเผด็จการ
“ในฐานะผู้สมัครของพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ผมเชื่อว่าเป็นหน้าที่ของผม…ที่จะพยายามปกครองประเทศของเรา ด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่ผมจะรับหน้าที่เปิดการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล” เฟย์เฆโอกล่าว พร้อมเรียกร้องให้พรรคสังคมนิยมอย่า ‘ปิดกั้น’ ความพยายามของเขา
หากปราศจากเสียงข้างมาก เฟย์เฆโอ จะพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องการให้พรรคสังคมนิยมงดออกเสียงระหว่างการลงคะแนนเสียงในรัฐสภา ซึ่งแน่นอนว่าสังคมนิยมอาจจะทำตรงกันข้าม
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งในครั้งนี้ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากต่างประเทศเกี่ยวกับความเป็นไปได้ซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ารัฐบาลฝ่ายขวาจัดจะถือครองอำนาจเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ระบอบเผด็จการฟรังโกที่สิ้นสุดลงในปี 1975
พรรควอกซ์ซึ่งปกครอง 3 แคว้นใน 17 แคว้นของสเปนร่วมกับพรรค PP ได้ให้คำมั่นว่าจะเลิกใช้กฎหมายเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ สิทธิของ LGBTQ การทำแท้ง และการุณยฆาต รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับความทรงจำในระบอบประชาธิปไตยที่ยกย่องเหยื่อจากการปกครองแบบเผด็จการ