อินเดียทดสอบขีปนาวุธท่ามกลางความตึงเครียดกับปากีสถานหลังเหตุโจมตีแคชเมียร์

28 เม.ย. 2568 - 05:55

  • กองทัพเรืออินเดียทดสอบยิงขีปนาวุธเมื่อวันอาทิตย์ (27 เม.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อแสดงศักยภาพในการโจมตีเชิงรุกที่แม่นยำในระยะไกล ท่ามกลางความตึงเครียดกับปากีสถาน หลังเกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้ายในแคชเมียร์ที่อินเดียปกครองเมื่อสัปดาห์ก่อน

  • นายกฯ นเรนทรา โมดีของอินเดียให้คำมั่นว่าจะ “ตอบโต้ด้วยความรุนแรง” ต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์โจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในแคชเมียร์ในรอบ 25 ปี

India test-fires missiles as tensions rise with Pakistan after Kashmir attack-SPACEBAR-Hero.jpg

กองทัพเรืออินเดียทดสอบยิงขีปนาวุธเมื่อวันอาทิตย์ (27 เม.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อแสดงศักยภาพในการโจมตีเชิงรุกที่แม่นยำในระยะไกล ท่ามกลางความตึงเครียดกับปากีสถาน หลังเกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้ายในแคชเมียร์ที่อินเดียปกครองเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย 

กองทัพเรืออินเดียโพสต์ข้อความบน X ว่า “เรือรบของกองทัพเรืออินเดียได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือหลายครั้งเพื่อทดสอบและแสดงความพร้อมของแพลตฟอร์ม ระบบ และลูกเรือสำหรับการโจมตีเชิงรุกที่แม่นยำในระยะไกล” ขณะที่นายกฯ นเรนทรา โมดีของอินเดียให้คำมั่นว่าจะ “ตอบโต้ด้วยความรุนแรง” ต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์โจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในแคชเมียร์ในรอบ 25 ปี 

โมดีกล่าวในรายการวิทยุที่ออกอากาศรายเดือนว่า “เลือดเนื้อของชาวอินเดียกำลังเดือดพล่าน” และยืนยันว่า “จะตามล่าผู้ก่อเหตุไปจนสุดขอบโลก” และเปลี่ยนที่ซ่อนของผู้ก่อการร้ายให้ “กลายเป็นผุยผง” 

ขีปนาวุธที่ยิงออกไปนั้นออกแบบมาเพื่อการโจมตีที่ทรงพลัง พิสัยไกล และแม่นยำสูง กองทัพเรือเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกซ้อมในการรักษาความพร้อมเชิงปฏิบัติการ เนื่องจากวาทกรรมทางทหารทวีความรุนแรงมากขึ้นในทั้งสองฝ่าย 

ขีปนาวุธที่ยิงทดสอบนี้ออกแบบมาเพื่อการโจมตีที่ทรงพลัง แม่นยำ และระยะไกล กองทัพเรือเน้นย้ำความสำคัญของการฝึกซ้อมนี้ในการรักษาความพร้อมเชิงปฏิบัติการ ขณะที่ถ้อยแถลงทางทหารของทั้งสองฝ่ายทวีความเข้มข้นขึ้น 

ฮานีฟ อับบาซี รัฐมนตรีกระทรวงการรถไฟของปากีสถาน เตือนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “คลังอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศประกอบด้วยขีปนาวุธกว่า 130 ลูกนั้นไม่ได้ถูกเก็บไว้เป็นของโชว์ และถูกเล็งเป้าเฉพาะสำหรับอินเดียเท่านั้น ...ขีปนาวุธพิสัยไกลเหล่านี้ทั้งหมดถูกเล็งเป้ามาที่คุณ” 

คำพูดของอับบาซีสร้างความกังวลว่าทั้งสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อาจเข้าสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ อินเดียและปากีสถานเคยทำสงครามกัน 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งเกี่ยวกับแคชเมียร์ ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของทั้งหมดแต่ครอบครองเพียงบางส่วน และเคยเกือบเกิดสงครามอีกหลายครั้ง ในหลายครั้งที่สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ จนทำให้ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกภูมิภาคหิมาลัยว่าเป็น ‘สถานที่อันตรายที่สุดในโลก’ 

ยุทธศาสตร์ทางทหารของปากีสถานก็คือ ‘การยับยั้งเต็มรูปแบบ’ (Full Spectrum Deterrence) ซึ่งเน้นการใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีเพื่อยับยั้งภัยคุกคามแบบดั้งเดิม ขณะที่ยุทธศาสตร์ ‘Cold Start’ ของอินเดียออกแบบมาเพื่อการโจมตีทางทหารแบบรวดเร็วเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย 

ไมเคิล คูเกลแมน นักวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศ กล่าวว่า “จากมุมมองของเดลี เมื่อพิจารณาจากแรงกดดันของสาธารณชน ความรุนแรงของเหตุโจมตี และความต้องการฟื้นฟูการยับยั้ง การตอบโต้ทางทหารบางรูปแบบมีความเป็นไปได้สูง และหากเกิดขึ้น ปากีสถานก็คงตอบโต้แน่นอน”

“แต่สงครามเต็มรูปแบบไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะอินเดียมุ่งเน้นทางเลือกจำกัด เช่น การลดศักยภาพของกลุ่มก่อการร้ายและฟื้นฟูการยับยั้ง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของการโจมตีและการตอบโต้ รวมถึงความเสี่ยงของการคำนวณผิดพลาด และเมื่อทั้งสองประเทศมีอาวุธนิวเคลียร์ ความเสี่ยงจึงสูงมาก”

คูเกลแมน กล่าว

นิวเดลีได้กล่าวหาปากีสถานว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งผู้ก่อการร้ายเจาะจงสังหารชายชาวฮินดูู แม้อินเดียไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ แต่ก็ชี้ไปที่การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายของปากีสถานในอดีตที่มุ่งเป้าโจมตีอินเดีย 

ในการเคลื่อนไหวตอบโต้ อินเดียได้ระงับสนธิสัญญาน่านน้ำสินธุ ขับไล่ทูตปากีสถาน และยกเลิกวีซ่าของปากีสถาน ขณะที่ปากีสถานตอบโต้ด้วยการขับไล่ทูตอินเดีย ยกเลิกวีซ่าของอินเดีย ปิดน่านฟ้า และระงับข้อตกลงชิมลาปี 1972 ซึ่งเป็นกรอบการเจรจาที่สำคัญ 

แม้ว่านายกฯ โมดี จะยืนยันความมุ่งมั่นในการตอบโต้ แต่ เชห์บาซ ชารีฟ นายกฯ ปากีสถานกลับมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น โดยกล่าวว่า “ปากีสถานพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบที่เป็นกลาง” และย้ำถึง ‘ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของปากีสถานเพื่อสันติภาพ’ “แคชเมียร์ยังคงเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของปากีสถานตามแนวคิดของ มูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ผู้ก่อตั้งประเทศ” 

ในขณะที่ความตึงเครียดทวีความรุนแรง ทหารอินเดียและปากีสถานได้ยิงกันเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันตามแนวควบคุมที่แบ่งแยกแคชเมียร์ ซึ่งเป็นจุดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง 

เพื่อป้องกันการเผยแพร่ภาพถ่ายทอดสดปฏิบัติการทางทหาร กระทรวงสารสนเทศของอินเดียได้ออกคำเตือนสื่อ โดยสะท้อนความกังวลจากวิกฤตที่ผ่านมา เช่น สงครามการกิลปี 1999 และเหตุโจมตีมุมไบ 2008 ว่าการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์อาจทำให้กลยุทธ์ที่ละเอียดอ่อนถูกเปิดเผย 

สำหรับสถานการณ์ในแคชเมียร์ กองกำลังอินเดียได้เริ่มปฏิบัติการปราบปรามอย่างรุนแรง โดยเน้นเป้าหมายที่ผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’ พร้อมทั้งรื้อถอนบ้านเรือนอย่างน้อย 10 หลังที่อาจเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธเพื่อรื้อระบบนิเวศของ ‘การก่อการร้าย’ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวล และรายงานประเมินว่ามีชายหนุ่มถึง 1,500 คนถูกควบคุมตัว หรือถูกสอบสวน 

ความตึงเครียดยังลุกลามไปถึงปัญหาการใช้น้ำ อินเดียได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนอูรี ทำให้แม่น้ำเจลัมเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมพื้นที่บางส่วนของแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่อินเดียระงับสนธิสัญญาควบคุมแม่น้ำในภูมิภาคนี้ ปากีสถานเตือนว่าการแทรกแซงทางน้ำใดๆ ถือเป็น ‘การกระทำของสงคราม’ 

(Photo by Sonny TUMBELAKA / AFP)

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์