“เพราะหมาคือเพื่อนยามยากที่ดีที่สุด”
หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้บ่อยๆ และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็เป็นอย่างนั้น ‘จริงๆ’ เพื่อนที่อยู่กับเราทุกเวลา คอยปลอบใจ คอยอยู่เป็นเพื่อน คอยปกป้อง เพื่อนที่ซื่อสัตย์ คอยนั่งรับฟังเราแม้ว่าจะฟังที่เราพูดไม่รู้เรื่องก็ตาม จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นข่าวเจ้าของบางคนยกมรดกให้เจ้าเพื่อนแสนรู้นี้ด้วย
เหมือนอย่างที่ ‘รตัน ฏาฏา’ มหาเศรษฐีผู้ใจบุญชาวอินเดีย ได้มอบมรดกจำนวนมหาศาลมูลค่า 91 ล้านปอนด์ (ราว 3,960 บาท) ให้กับสุนัขของเขาตามพินัยกรรม พร้อมทั้งขอให้สุนัขตัวโปรดของเขาได้รับ ‘การดูแลอย่างไม่จำกัด’ หลังจากที่เขาตาย
ฏาฏา ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เปลี่ยน ‘Tata Group’ ให้กลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลในเมืองมุมไบเมื่อต้นเดือนตุลาคมด้วยวัย 86 ปี
ตามธรรมเนียมในอินเดีย นักธุรกิจที่ไม่เคยแต่งงานหรือมีลูก จะต้องมอบมรดกให้กับครอบครัว ทว่าฏาฏากลับมองข้ามพี่ชายของเขา จิมมี่ ฏาฏา รวมไปถึงน้องสาวต่างมารดา ชีรีนและดีแอนนา เจจีบฮอย แล้วเลือกที่จะมอบมรดกให้ ‘เจ้าติโต’ สุนัขตัวโปรดพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดที่เขารักแทน
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ The Times ระบุว่า ฏาฏายังมอบมรดกให้ โคนาร์ ซุบเบียห์ พ่อบ้าน และราจัน ชอว์ พ่อครัว ซึ่งจะช่วยดูแลเจ้าติโตต่อไป ส่วนพี่น้องของฏาฏาจะได้รับมรดกเพียงบางส่วนเท่านั้น
จริงๆ แล้วเป็นเรื่องยากมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ในอินเดีย
อย่างที่เราทราบกันดี แม้ว่าระบบวรรณะในอินเดียจะถูกยกเลิกไปตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติก็ยังคงมีอยู่ มันจึงเป็นเรื่องยากที่สัตว์เลี้ยงและคนรับใช้จะได้รับเงินมากมายขนาดนี้ เนื่องจากมรดกทรัพย์สินของคนรวยๆ ส่วนใหญ่มักจะตกเป็นของคนในครอบครัว ดังนั้นในเคสของฏาฏาจึงดูเป็นเรื่องแปลกที่เขาเลือกมอบมรดกให้เพื่อนขนฟูที่คอยอยู่เคียงข้างจนกระทั่งเขาเสียชีวิต
“เงินจำนวนดังกล่าวที่ฏาฏาทิ้งไว้ให้กับอดีตพ่อบ้านและพ่อครัว ซึ่งทั้งสองคนอายุ 50 กว่าแล้ว และต้องดูแลเจ้าติโตในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากเลยทีเดียว ฏาฏาเตรียมเงินไว้ให้ให้พวกเขาอย่างมากมายมหาศาล พวกเขาจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป และพวกเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี” สุเฮล เซท เพื่อนสนิทของฏาฏาเผยกับ The Times
คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผู้คนที่รู้จักกับฏาฏาเป็นอย่างดีรู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด “พินัยกรรมฉบับนี้ไม่ใช่เอกสารแสดงความมั่งคั่ง แต่เป็นการแสดงความขอบคุณสำหรับความสุขและความเอาใจใส่ที่ฏาฏาได้รับจากสัตว์เลี้ยงและคนสนิทของเขาอีก 2 คน” เซท บอก
ความใจดีมีเมตตาของฏาฏาเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม
สุนทร ปิจาอี ซีอีโอของ Google เผยว่า “รตัน ฏาฏา ได้ทิ้งมรดกทางธุรกิจ และการกุศลอันล้ำค่าไว้เบื้องหลัง แถมเขายังมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษา และพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำทางธุรกิจสมัยใหม่ในอินเดียอีกด้วย...เขาใส่ใจอย่างยิ่งที่จะทำให้อินเดียดีขึ้น”
ถึงขนาดที่นายกฯ อินเดีย นเรนทระ โมดี ออกปากยกย่องฏาฏาว่าเป็น “ผู้นำธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ มีจิตวิญญาณที่เมตตากรุณา และเป็นมนุษย์ที่ไม่ธรรมดา”
อีกทั้งเรื่องราวความรักเมตตาต่อสัตว์ของฏาฏาก็ยังเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนในสังคม และเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงาน โดยเฉพาะพนักงานเฝ้าประตูที่สำนักงานใหญ่ของ TaTa Group มักจะได้รับคำสั่งห้ามปฏิเสธความช่วยเหลือสัตว์จรจัดเด็ดขาด
ตลอดระยะเวลา 21 ปี (1990-2012) ที่ฏาฏาดำรงตำแหน่งผู้นำ Tata Group ได้ทำการซื้อกิจการสำคัญๆ หลายแห่ง รวมถึงการซื้อบริษัทชาอังกฤษ ‘Tetley’ ในปี 2000 ด้วยมูลค่า 432 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 หมื่นล้านบาท) และการซื้อ ‘Corus’ บริษัทเหล็กอังกฤษ-ดัตช์ ในปี 2007 ด้วยมูลค่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.4 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญของ Tata Group สำหรับการเข้าซื้อกิจการจากต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทอินเดียในขณะนั้น
ต่อมาในปี 2008 Tata Motors ได้เข้าซื้อแบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติอังกฤษอย่าง ‘จากัวร์’ (Jaguar) และ ‘แลนด์โรเวอร์’ (Land Rover) จากฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor Co.) ในราคา 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.9 หมื่นล้านบาท)
มหาเศรษฐีรายนี้ก้าวลงจากตำแหน่งประธานในปี 2012 ก่อนที่จะรับตำแหน่งประธานชั่วคราวในช่วงสั้นๆ ในเดือนตุลาคม 2016 จนถึงกุมภาพันธ์ 2017 หลังจาก ไซรัส มิสทรี ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาถูกปลดออก
ปัจจุบัน Tata Group เป็นบริษัทในเครือที่ประกอบด้วยบริษัทเกือบ 100 แห่ง รวมถึงผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ บริษัทเหล็กเอกชนรายใหญ่ที่สุด และบริษัทสรรหาบุคลากรภายนอกชั้นนำ
