หลังจาก iPhone16 เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา และพร้อมเปิดจองในไทยวันที่ 13 กันยายนนี้ ด้วยสีสันของตัวเครื่องอันน่าดึงดูดใจ ทั้งดีไซน์ และลูกเล่นฟีเจอร์ใหม่ชวนน่าซื้อมาจับจองเป็นเจ้าของกันถ้วนหน้า
นักวิเคราะห์ของ Picodi.com เว็บไซต์ระดับสากลที่รวบรวมส่วนลดจากร้านค้าออนไลน์ นำราคา iPhone 16 Pro ความจุ 128 GB (39,900 บาท) มาเปรียบเทียบกับรายได้เฉลี่ย และคำนวณ iPhone Index 2024 หรือดัชนีประจำปีของอัตราส่วนราคา iPhone ต่อค่าจ้าง หรือเงินเดือนโดยเฉลี่ย
อธิบายง่ายๆ ก็คือ มนุษย์เงินเดือนแต่ละประเทศต้องทำงานกี่วันถึงจะซื้อ iPhone เครื่องใหม่ได้ ซึ่งตัวดัชนีชี้ให้เห็นถึงคุณภาพชีวิต สถานะค่าครองชีพ และค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละประเทศ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ด้วย

จากดัชนีพบว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ซื้อ iPhone เครื่องใหม่ได้เร็วที่สุด โดยใช้เวลาทำงานเพียงแค่ 4 วัน ตามมาด้วยชาวอเมริกันใช้เวลา 5.1 วัน ส่วนอันดับที่ 3 ใช้เวลาทำงานเพียง 5.7 วันเท่านั้น ได้แก่ ออสเตรเลียและสิงคโปร์
สำหรับประเทศที่มนุษย์เงินเดือนต้องใช้เวลาทำงาน ‘เยอะสุด’ ถึงจะได้ iPhone เครื่องใหม่ ได้แก่
- ตุรกี ต้องใช้เวลาทำงาน 72.9 วัน
- ฟิลิปปินส์ ใช้เวลาทำงาน 68.8 วัน
- บราซิล ใช้เวลาทำงาน 68.6 วัน
ในอาเซียนพบว่า ประเทศที่ใช้เวลาทำงานเยอะสุดคือ ‘ฟิลิปปินส์’ ตามมาด้วยเวียดนาม 53.1 วัน ขณะที่ประเทศไทยตามมาติดๆ ที่ 42.3 วัน และมาเลเซีย 25.3 วัน ส่วนประเทศที่เป็นหน้าเป็นตาให้อาเซียนยังคงเป็น ‘สิงคโปร์’ ที่คว้าอันดับ 3 ของตารางร่วมกับออสเตรเลีย

อย่างไรก็ดี เมื่อนำมาเทียบกับ Big mac Index 2024 หรือดัชนี ‘บิกแมค เบอร์เกอร์’ เมนูหลักของแมคโดนัลด์ ซึ่งจะขายในราคาที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาค แต่ในสหรัฐฯ จะขายที่ราคาเฉลี่ย 5.15 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 171 บาท) ทั้งนี้พบว่า มีเพียง 5 ประเทศเท่านั้นที่ราคาบิกแมคสูงกว่าสหรัฐฯ ได้แก่
- สวิตเซอร์แลนด์ ขาย 6.71 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 223 บาท)
- นอร์เวย์ ขาย 6.26 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 208 บาท)
- อุรุกวัย ขาย 6.08 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 202 บาท)
- สวีเดน ขาย 5.59 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 186 บาท)
- แคนาดา ขาย 5.25 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 174 บาท)
สวิตเซอร์แลนด์ ยังคงครองอันดับ 1 ในดัชนีนี้ซึ่งราคาขายบิกแมคอยู่ที่ 6.71 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 223 บาท) สูงกว่าในสหรัฐฯ ถึง 30.33% อันเนื่องมาจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น และกำลังซื้อที่ลดลง และภาษี
ส่วน 5 ประเทศที่มีดัชนีบิกแมคขายในราคา ‘ต่ำที่สุด’ ได้แก่
- เวเนซุเอลา ขาย 1.76 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 58 บาท)
- โรมาเนีย ขาย 2.28 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 76 บาท)
- แอฟริกาใต้ ขาย 2.34 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78 บาท)
- อินโดนีเซีย ขาย 2.34 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78 บาท)
- อินเดีย ขาย 2.39 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 79 บาท)
ราคาบิกแมคในเวเนซุเอลาที่ต่ำนั้นสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อ และค่าเงินที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของประเทศ
และในอาเซียนพบว่า ‘สิงคโปร์’ ขายบิกแมคแพงสุดในภูมิภาคนี้ที่ 4.24 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 141 บาท)
- ตามด้วยไทยขายในราคา 3.50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 116 บาท)
- เวียดนาม ขาย 2.95 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 98 บาท)
- ฟิลิปปินส์ ขาย 2.75 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 91 บาท)
- มาเลเซีย ขาย 2.45 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 81 บาท)