พิธาสัมภาษณ์สื่อนอกเจ้าดังส่งสารถึงผู้สนับสนุน ‘เราจะชนะแน่นอน’

26 ก.ค. 2566 - 09:00

  • พิธา เน้นย้ำว่า “เขาและพรรคก้าวไกลจะชนะอย่างแน่นอน แม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที

  • นอกจากนี้ พิธายังพร้อมสนับสนุนให้พรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

  • และต้องการที่จะหยุดวงจรอุบาทว์เผด็จการทหารในประเทศไทยด้วย

pita-said-we-will-win-definitely-if-not-immediately-SPACEBAR-Hero
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์กับ คริสเตียน อามันพัวร์ ในรายการ Amanpour จากสำนักข่าว CNN ความยาว 10 นาทีเมื่อคืนวันที่ 25 กรกฎาคม (เวลาไทย) ว่า ‘ประเทศของเขาจำเป็นต้องยุติวงจรอุบาทว์ของเผด็จการทหาร’ 

ในบางส่วนของการสัมภาษณ์เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยในไทยและความต้องการของผู้ประท้วง พิธาระบุว่า “ความต้องการของผู้ประท้วงก็คือ ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้งก็ควรที่จะได้ขึ้นเป็นนายกฯ แต่สถานการณ์ในไทยคือการเผชิญหน้ากันระหว่าง ส.ส.จากพรรคที่ชนะซึ่งประชาชนเลือกตั้งเข้ามา และ ส.ว.ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลทหาร”  

เมื่อพิธีกรถามถึงกรณีถือหุ้นสื่อ itv ที่ทำให้พิธาขาดคุณสมบัติ เขาก็บอกว่า “ประเด็นหุ้นสื่อนี้เป็นเหมือนกระบวนการที่ขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นนายกฯ ของเขา ซึ่งความจริงก็คือ เขาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นโดยตรง เพราะหุ้นดังกล่าวเป็นของพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่บริษัทสื่อ itv ก็ปิดตัวลงเมื่อ 17 ที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับประโยชน์ทางการเมืองจากการถือหุ้นดังกล่าว” 

นอกจากนี้ อามันพัวร์ ยังพูดถึงนโยบายแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 (หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) พร้อมทั้งตั้งคำถามว่าพิธาเสียใจไหมที่ดำเนินนโยบายดังกล่าว ซึ่งพิธาตอบว่า “เขาไม่ได้เสียใจ…และเป้าหมายของคนไทยคือการธำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ทว่าเป้าหมายของใครหลายๆ คนสำหรับการธำรงไว้นั้นแตกต่างกัน”  

“บางคนอาจต่อต้านนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ต้องการแก้ไข ม.112 แต่สำหรับเขาแล้ว ประเทศไทยควรแก้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยที่ไม่อนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองดึงสถาบันกษัตริย์โยงเข้าสู่การเมือง” 

พิธายังยืนยันอีกว่า พรรคก้าวไกลของเขาต้องการที่จะธำรงสถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญไว้ และทำให้สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยไม่ใช่ครั้งแรก แต่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะ 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี เราก็จะเห็นว่าสถาบันกษัตริย์ถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองมาโดยตลอด” 

อย่างไรก็ดี อามันพัวร์ ยังถามต่ออีกว่า เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามกังวลถึงการปฏิรูปอื่นๆ และนโยบายของพรรคก้าวไกลหรือเปล่า? พวกเขาจึงพยายามที่จะขัดขวางคุณ ซึ่งพิธาแจงว่า “เรามีจุดยืน 3 ประการคือ กำจัดการผูกขาด กระจายอำนาจ และไม่ให้ทหารมีอำนาจทางการเมือง ซึ่งการปฏิรูปกองทัพนั้นถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมากในยุคศตวรรษที่ 21” 

“ในส่วนของการปรับเปลี่ยนเพื่อเอื้อต่อการกระจายอำนาจนั้น พิธาได้เน้นย้ำว่า ‘กรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยทั้งประเทศ และประเทศไทยก็ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ’ ” 

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ พิธาได้เน้นย้ำว่า “เขาและพรรคก้าวไกลจะชนะอย่างแน่นอน แม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที ทั้งนี้ เขาพร้อมสนับสนุนให้พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะมันไม่ใช่แค่เป้าหมายของเขาที่จะขึ้นเป็นนายกฯ เท่านั้น แต่ยังพยายามที่จะหยุดวงจรอุบาทว์เผด็จการทหารในประเทศไทยด้วย” 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์