ประกาศกฎอัยการศึกของยุนซ็อกยอลและการกลับลำในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นภายใต้การกดดันของสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นจุดพีคของความบาดหมางระหว่างสองฝั่งพรรคการเมืองที่ดำเนินมาหลายปี
ยุนซ็อกยอลชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อปี 2022 ด้วยคะแนนเสียงที่สูสีมากที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดการปกครองโดยทหารเมื่อทศวรรษ 1980 และเริ่มจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเสรี
2 ปีกว่าหลังยุนซ็อกยอลดำรงดำแหน่งเขาก็ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนวันอังคาร (3 ธ.ค.) ซึ่งสร้างความช็อกให้กับชาวเกาหลีใต้ที่มีความหวังว่ายุคแห่งการแทรกแซงของทหารจะไม่เกิดขึ้นอีก ผู้ประท้วงนับพันคนรวมตัวกันในกรุงโซลเพื่อเรียกร้องให้ยุนซ็อกยอลลาออก ประเทศของพวกเขาซึ่งถูกมองว่าเป็นต้นแบบของซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมและมีประชาธิปไตยแข็งแกร่งในเอเชีย กลับพลิกผันไปในทิศทางอื่นอย่างกะทันหัน
แต่เหตุการณ์ที่นำมาสู่การประกาศกฎอัยการศึกของยุนซ็อกยอลและการสั่งยกเลิกในอีก 6 ชั่วโมงต่อมาหลังสภาโหวตสกัดการใช้กฎอัยการศึก ได้เกิดขึ้นก่อนที่ยุนซ็อกยอลจะคว้าชัยชนะมาด้วยคะแนนสูสียิ่งกว่าหายใจรดต้นคอ เหตุการณ์นั้นก็คือ การเมืองที่แบ่งขั้วกันอย่างหนักและความไม่พอใจอย่างมากของสังคมที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของการผงาดขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ทุกอย่างเลวร้ายลงเมื่อยุนซ็อกยอลซึ่งครั้งหนึ่งทำหน้าที่เป็นพนักงานอัยการสอบสวนอดีตประธานาธิบดี พบว่าตัวเองกำลังถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองโจมตี
ชนะแต่ไม่มีอำนาจ
ยุนซ็อกยอลไม่เคยได้รับความนิยมในเกาหลีใต้ เขาชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียง 0.8% ความขื่นขมของการหาเสียงเลือกตั้งของสะท้อนอยู่ในแถลงการณ์ของ อีแจ-มยอง คู่แข่งของยุนซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่บอกว่า “ผมของให้ประธานาธิบดีเป็นผู้นำประเทศขจัดความแตกแยกและความขัดแย้ง และเปิดยุคแห่งความสามัคคีและเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ยุนในวัย 63 ปีไม่น่าจะเป็นผู้นำที่สร้างความปรองดองได้ ขณะดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดเขารับหน้าที่พิจารณาคดีและสั่งจำคุกอดีตหัวหน้าพรรคของตัวเองนั่นคือ พัคกึนฮเย หลังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในฐานะประธานาธิบดี และด้วยความที่เชี่ยวชาญคดีคอร์รัปชัน ยุบซ็อกยอลยังดำเนินคดีกับอดีตประธานาธิบดีอีกคนหนึ่งและประธานบริษัทซัมซุง
ในขณะที่ยุนซ็อกยอลกำลังสอบสวนพัคกึนฮเย รัฐบาลที่เขาทำงานให้ก็ดำเนินรูปแบบที่มีมาอย่างยาวนานในเกาหลีใต้ซึ่งก็คือ ผู้นำคนใหม่สั่งสอบสวนผู้นำคนก่อนหน้า ทำให้เกิดการอาฆาตผูกใจเจ็บกันในทางการเมือง และเมื่อขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้นำเอง ยุนซ็อกยอลก็วิจารณ์อดีตประธานาธิบดี มุนแจอิน ที่ไปพบกับคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ยุนซ็อกยอลยังเรียกร้องให้เกาหลีใต้เพิ่มการซ้อมรบ สร้างภาพให้เกาหลีใต้มีอิทธิพลในฐานะประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ
ท่าทีเหล่านี้แม้จะชนะใจสหรัฐฯ แต่กลับพ่ายแพ้ในบ้านตัวเองที่ต้องทำสงครามกับฝ่ายค้านแม้ว่าความท้าทายภายในประเทศจะรุนแรงขึ้นก็ตาม

ความไม่พอใจปะทุ
แม้ว่าเกาหลีใต้จะมีอิทธิพลมากขึ้นในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และดนตรี แต่ความไม่เท่าเทียมกันได้กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้ ราคาที่อยู่อาศัยที่ทะยานขึ้นบีบบังคับให้ผู้คนต้องอยู่ในพื้นที่เล็กๆ และมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น นักศึกษาจบใหม่ไม่สามารถหางานที่เหมาะสมทำได้
คนรุนใหม่ต้องเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ลังเลที่จะแต่งงานหรือมีลูก สุดท้ายเกาหลีใต้จึงเป็นประเทศที่มีประชากรสูงวัยอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก
ยุนซ็อกยอลต้องเผชิญอุปสรรค 2 อย่างตั้งแต่เริ่มต้น นั่นคือ พรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภาและยังได้เสียงเพิ่มในการเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยุนซ็อกยอลเป็นผู้นำเกาหลีใต้คนแรกในรอบหลายสิบปีที่ไม่เคยมีเสียงข้างมากในสภาเลย อีกอย่างหนึ่งคือ คะแนนนิยมที่นับวันมีแต่จะดิ่งลง
ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของยุนซ็อกยอลกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน และความพยายามอย่างหนักหน่วงของฝ่ายค้านในการคัดค้านยุนซ็อกยอลทุกครั้ง ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายใดๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจมาตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเครื่องระบบบำนาญ และการแก้ไขปัญหาราคาที่พักอาศัย
การเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการด่ากันไปมา
พรรคพลังประชาชนของยุนซ็อกยอลคาดหวังว่าการเลือกตั้งปีนี้เป็นโอกาสชิงเก้าอี้ในสภาคืน แต่กลับได้ทั้งวิกฤตและเรื่องอื้อฉาวมาแทน อาทิ เหตุการณ์นักท่องเที่ยวเหยียบกันจนเสียชีวิตในเทศกาลฮาโลวีน เกาหลีเหนือขู่หนักขึ้น หมอพากันหยุดงานประท้วงเนื่องจากสภาพการทำงานและค่าตอบแทนไม่สอดคล้องกัน ข้อกล้าวหาคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับกระเป๋าแบรนด์เนมของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
การประท้วงในโลกโซเชียลมีเดียที่มีนักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเป็นตัวตั้งตัวตีกลายเป็นเรื่องปกติ โดยมีคนรุ่นเก่าอยู่ฝั่งขวา และคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งซ้าย
การเลือกตั้งเต็มไปด้วยการกล่าวหากันไปมาด้วยถ้อยคำรุนแรง ผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายรียกยุนซ็อกยอลว่า “คนทรยศชาติ” จากนโยบายที่คนกลุ่มนี้บอกว่าเป็นการต่อต้านสตรีนิยมและการโจมตีสำนักข่าวที่ยุนซ็อกยอลกล่าวหาว่าแพร่ “ข่าวปลอม”
ผู้นำฝ่ายค้านเตือนว่ายุนซ็อกยอลกำลังนำพาเกาหลีใต้ไปสู่เส้นทาง “เผด็จการ” ส่วนสมาชิกพรรคพลังประชาชนโต้โดยบอกว่าฝ่ายค้านเป็น “อาชญากร” และผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนที่อยู่ฝ่ายขวาเดินขบวนต่อต้านสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “คอมมิวนิสต์ที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ”
ยุนซ็อกยอลใช้คำคล้ายกันนี้ระหว่างการประกาศกฎอัยการศึกทางโทรทัศน์โดยบอกว่า เขาประกาศกฎอัยการศึก “เพื่อปกป้องเกาหลีใต้ที่เป็นอิสระจากกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ขจัดกองกำลังสนับสนุนเกาหลีเหนือและต่อต้านรัฐที่หน้าไม่อาย”
ผลก็คือ การเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากครั้งใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ในรอบหลายสิบปี
ชาวเกาหลีใต้หลายคนเรียกว่าเลือกตั้งครั้งนี้ว่า “วันพิพากษา” แต่ผลลัพธ์นี้กลับทำให้รัฐบาลยิ่งเจอทางตันมากขึ้น ทำให้ทั้งสองพรรคไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันในการอนุมัติงบประมาณหรือแก้ปัญหาที่ประชาชนร้องเรียน ความรุนแรงนี้ยิ่งทวีขึ้นเมื่อฝ่ายค้านพยายามถอดถอนคณะรัฐมนตรีของยุนซ็อกยอลหลายคน
หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือน เม.ย. ประธานาธิบดีและผู้ช่วยระดับสูงหลายคนของประธานาธิบดียื่นใบลาออก ครั้งนั้นยุนซ็อกยอลบอกว่าจะ “ยกเครื่องแนวทางการบริหารของรัฐบาล” แต่เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) ยุนซ็อกยอลกลับบอกว่า “รัฐสภาซึ่งควรจะเป็นรากฐานของประชาธิปไตยเสรีกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ทำลายมัน”
ไม่นานหลังจากนั้น อีแจ-มยอง ผู้นำฝ่ายค้านที่รอดชีวิตจากการถูกลอบแทงเมื่อเดือน ม.ค. บอกว่ายุนซ็อกยอล “ทรยศประชาชน”
อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ยุนซ็อกยอลบอกว่าเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งของสภานิติบัญญัติ และเมื่ออนาคตทางการเมืองของเขาตกอยู่ในความไม่แน่นอนเขายังกล่าวอีกว่า “ขอผมให้สภานิติบัญญัติให้หยุดพฤติกรรมอุกอาจที่ทำให้การทำงานของประเทศเป็นอัมพาตด้วยการกล่าวโทษ บิดเบือนกฎหมาย และบิดเบือนงบประมาณโดยทันที”
Photo by Anthony WALLACE / AFP