หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ชื่อ ‘Spare’ ที่เริ่มวางจำหน่ายฉบับภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการมื่อวันที่ 10 ม.ค. นอกจากจะสร้างความสั่นสะเทือนต่อสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษแล้ว ยังจุดชนวนขัดแย้งไปยังประเทศอื่นที่ถูกพาดพิงถึงในหนังสือเล่มนี้ด้วย
ล่าสุดชาวอัฟกันเรียกร้องให้นำตัวเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ขึ้นศาล หลังจากพระองค์ยอมรับว่าสังหารนักรบตอลีบันไป 25 คน ในระหว่างถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่อัฟกานิสถาน
ในหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้้ เจ้าชายอ้างถึงนักรบที่ถูกฆ่าว่า ‘คิดว่าพวกเขาเป็นแค่ตัวหมากรุกที่ถูกนำออกจากกระดาน’
ชาวอัฟกันคนหนึ่งที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป 4 คน จากปฏิบัติการทางอากาศของอังกฤษเมื่อปี 2011 เรียกร้องให้ประชาคมโลกนำตัวเจ้าชายแฮร์รีไปเข้ารับการพิจารณาคดี และเรียกร้องค่าเสียหายจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ส่วน อันเจ็ม โชดารี นักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงชาวอังกฤษที่เคยติดคุก 5 ปีครึ่ง หลังชักชวนให้คนสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอเอสทางออนไลน์ เตือนว่า ความปลอดภัยของทหารอังกฤษในประเทศมุสลิมกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะหนังสือเล่มนี้ของเจ้าชายแฮร์รี และยังบอกฝากไปถึงชาวมุสลิมที่เข้าร่วมกองทัพอังกฤษด้วยว่าเป็นการละทิ้งความศรัทธาและความเชื่อทางศาสนา
ด้าน ริชาร์ด เคมป์ ผู้บัญชาการทหารที่เกษียณแล้วกล่าวว่า สิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของพระองค์ และกระตุ้นให้คนไม่ดีเหล่านั้นหันมาแก้แค้น
การให้สัมภาษณ์สื่อและการร่วมทำภาพยนตร์แนวสารคดีแฉความร้าวฉานในราชวงศ์ของเจ้าชายแฮร์รี ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการริบฐานันดรศักดิ์ของพระองค์และเมแกน พระชายา ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีก็ส่งสัญญาณชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับพิธีกรรายการ ‘60 Minutes’ ว่า พระองค์และพระชายาเมแกนจะไม่ยอม ‘สละฐานันดรศักดิ์’
เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเดินสายโปรโมทหนังสือบันทึกความทรงจำ ‘Spare’ ตอบคำถามของแอนเดอร์สัน คูเปอร์ พิธีกรรายการ ‘60 Minutes’ ที่ถามว่า พระองค์และพระชายาเมแกนจะสละฐานันดรหรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงถามย้อนกลับว่า “แล้วมันต่างกันตรงไหน?” ซึ่งคำตอบนี้บ่งชี้เป็นนัยถึงการไม่ยอมสละฐานันดรดยุกกับดัชเชส
ส่วนผลสำรวจของเดลี่เมล แทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ บ่งชี้ว่า ผู้อ่าน 98% ต้องการให้ทั้งคู่สละฐานันดร และกระแสเรียกร้องในเรื่องนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ทั้งคู่ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง และย้ายไปอยู่สหรัฐฯ เมื่อต้นปี 2020 และโจมตีราชวงศ์อังกฤษอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การประทานสัมภาษณ์โอปราห์ วินฟรีย์ ทำซีรีส์สารคดีให้เน็ตฟลิกซ์ชื่อ ‘แฮร์รีแอนด์เมแกน’ และล่าสุด คือการออกหนังสือบันทึกความทรงจำชื่อ Spare
ด้านสำนักพระราชวังเคนซิงตันของเจ้าชายวิลเลียม และสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมของกษัตริย์ชาร์ลส์ ต่างก็กล่าวว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อบันทึกของเจ้าชายแฮร์รีเล่มนี้
ล่าสุดชาวอัฟกันเรียกร้องให้นำตัวเจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ขึ้นศาล หลังจากพระองค์ยอมรับว่าสังหารนักรบตอลีบันไป 25 คน ในระหว่างถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่อัฟกานิสถาน
ในหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้้ เจ้าชายอ้างถึงนักรบที่ถูกฆ่าว่า ‘คิดว่าพวกเขาเป็นแค่ตัวหมากรุกที่ถูกนำออกจากกระดาน’
ชาวอัฟกันคนหนึ่งที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป 4 คน จากปฏิบัติการทางอากาศของอังกฤษเมื่อปี 2011 เรียกร้องให้ประชาคมโลกนำตัวเจ้าชายแฮร์รีไปเข้ารับการพิจารณาคดี และเรียกร้องค่าเสียหายจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ส่วน อันเจ็ม โชดารี นักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงชาวอังกฤษที่เคยติดคุก 5 ปีครึ่ง หลังชักชวนให้คนสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอเอสทางออนไลน์ เตือนว่า ความปลอดภัยของทหารอังกฤษในประเทศมุสลิมกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะหนังสือเล่มนี้ของเจ้าชายแฮร์รี และยังบอกฝากไปถึงชาวมุสลิมที่เข้าร่วมกองทัพอังกฤษด้วยว่าเป็นการละทิ้งความศรัทธาและความเชื่อทางศาสนา
ด้าน ริชาร์ด เคมป์ ผู้บัญชาการทหารที่เกษียณแล้วกล่าวว่า สิ่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยของพระองค์ และกระตุ้นให้คนไม่ดีเหล่านั้นหันมาแก้แค้น
การให้สัมภาษณ์สื่อและการร่วมทำภาพยนตร์แนวสารคดีแฉความร้าวฉานในราชวงศ์ของเจ้าชายแฮร์รี ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีการริบฐานันดรศักดิ์ของพระองค์และเมแกน พระชายา ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีก็ส่งสัญญาณชัดเจนในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับพิธีกรรายการ ‘60 Minutes’ ว่า พระองค์และพระชายาเมแกนจะไม่ยอม ‘สละฐานันดรศักดิ์’
เจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเดินสายโปรโมทหนังสือบันทึกความทรงจำ ‘Spare’ ตอบคำถามของแอนเดอร์สัน คูเปอร์ พิธีกรรายการ ‘60 Minutes’ ที่ถามว่า พระองค์และพระชายาเมแกนจะสละฐานันดรหรือไม่ ซึ่งพระองค์ทรงถามย้อนกลับว่า “แล้วมันต่างกันตรงไหน?” ซึ่งคำตอบนี้บ่งชี้เป็นนัยถึงการไม่ยอมสละฐานันดรดยุกกับดัชเชส
ส่วนผลสำรวจของเดลี่เมล แทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ บ่งชี้ว่า ผู้อ่าน 98% ต้องการให้ทั้งคู่สละฐานันดร และกระแสเรียกร้องในเรื่องนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ทั้งคู่ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง และย้ายไปอยู่สหรัฐฯ เมื่อต้นปี 2020 และโจมตีราชวงศ์อังกฤษอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การประทานสัมภาษณ์โอปราห์ วินฟรีย์ ทำซีรีส์สารคดีให้เน็ตฟลิกซ์ชื่อ ‘แฮร์รีแอนด์เมแกน’ และล่าสุด คือการออกหนังสือบันทึกความทรงจำชื่อ Spare
ด้านสำนักพระราชวังเคนซิงตันของเจ้าชายวิลเลียม และสำนักพระราชวังบัคกิงแฮมของกษัตริย์ชาร์ลส์ ต่างก็กล่าวว่าจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อบันทึกของเจ้าชายแฮร์รีเล่มนี้
หนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้มีจุดที่น่าสนใจอื่นๆ นอกจากความเห็นของเจ้าชายแฮร์รีที่มีต่อปฏิบัติการสังหารกลุ่มตาลีบัน คือ ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายของเจ้าชายแฮร์รีกับเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา ที่จบลงด้วยการที่ทั้งคู่วิวาทกันในปี 2019 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแฮร์รีกับเมแกน
หนังสือเล่มนี้ระบุว่า ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นจากความเห็นที่เจ้าชายวิลเลียมมีต่อเจ้าชายแฮร์รีที่พระตำหนักลอนดอนในปี 2019
เจ้าชายแฮร์รี ระบุว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตสมรสของพระองค์กับเมแกน มาร์เคิล และเจ้าชายวิลเลียมทรงนิยามเธอว่าเป็นผู้หญิงที่หยาบคายและไม่สนใจใคร
เจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดตั้งแต่อายุ 17 ปี ที่มีทั้งโคเคนและกัญชา พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่าพระองค์เสียพรหมจรรย์ให้กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าในทุ่งหญ้าหลังผับแห่งหนึ่ง
เจ้าชายแฮร์รีตรัสอย่างตรงไปตรงมาถึงอาการตื่นตระหนกและความเครียดที่เกิดกับพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อต้องปฏิบัติราชกรณียกิจในที่สาธารณะ เช่น การกล่าวสุนทรพจน์หรือการประทานสัมภาษณ์ แต่พระองค์ก็มีวิธีรับมือ รวมถึงการเสพยา
“พวกยาหลอนประสาทช่วยผมได้เยอะ เริ่มจากทดลองเพื่อความรื่นรมย์ แล้วเปลี่ยนมาใช้เป็นยาเพื่อการบำบัดรักษา” เจ้าชายแฮร์รีตรัส
หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ราบรื่นนัก และตอนหนึ่งพระองค์บรรยายว่าพระบิดาทรงเรียกพระองค์ว่าเป็นพระโอรส ‘ตัวสำรอง’
ชื่อหนังสือเล่มนี้ Spare หรือ ‘ตัวสำรอง’ น่าจะมาจากคำพูดในแวดวงอำมาตย์ของอังกฤษเกี่ยวกับความจำเป็นในการมีทายาทสืบทอด และทายาทสำรอง
หนังสือเล่มนี้ระบุว่า ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นจากความเห็นที่เจ้าชายวิลเลียมมีต่อเจ้าชายแฮร์รีที่พระตำหนักลอนดอนในปี 2019
เจ้าชายแฮร์รี ระบุว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตสมรสของพระองค์กับเมแกน มาร์เคิล และเจ้าชายวิลเลียมทรงนิยามเธอว่าเป็นผู้หญิงที่หยาบคายและไม่สนใจใคร
เจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดตั้งแต่อายุ 17 ปี ที่มีทั้งโคเคนและกัญชา พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่าพระองค์เสียพรหมจรรย์ให้กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าในทุ่งหญ้าหลังผับแห่งหนึ่ง
เจ้าชายแฮร์รีตรัสอย่างตรงไปตรงมาถึงอาการตื่นตระหนกและความเครียดที่เกิดกับพระองค์ โดยเฉพาะเมื่อต้องปฏิบัติราชกรณียกิจในที่สาธารณะ เช่น การกล่าวสุนทรพจน์หรือการประทานสัมภาษณ์ แต่พระองค์ก็มีวิธีรับมือ รวมถึงการเสพยา
“พวกยาหลอนประสาทช่วยผมได้เยอะ เริ่มจากทดลองเพื่อความรื่นรมย์ แล้วเปลี่ยนมาใช้เป็นยาเพื่อการบำบัดรักษา” เจ้าชายแฮร์รีตรัส
หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ยังให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ราบรื่นนัก และตอนหนึ่งพระองค์บรรยายว่าพระบิดาทรงเรียกพระองค์ว่าเป็นพระโอรส ‘ตัวสำรอง’
ชื่อหนังสือเล่มนี้ Spare หรือ ‘ตัวสำรอง’ น่าจะมาจากคำพูดในแวดวงอำมาตย์ของอังกฤษเกี่ยวกับความจำเป็นในการมีทายาทสืบทอด และทายาทสำรอง
หนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ เป็นหนังสือเกี่ยวกับพระราชวงศ์อังกฤษที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุดนับตั้งแต่เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี ร่วมกับ แอนดรูว์ มอร์ตัน ในการเขียนหนังสือ ‘ไดอานา: เฮอร์ ทรู สตอรี’ (Diana: Her True Story) ในปี 1992
ระหว่างที่ Spare เตรียมออกวางจำหน่ายเจ้าชายแฮร์รีทรงให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ 4 ครั้ง เพื่อโปรโมทหนังสือเล่มนี้ ทั้งในอังกฤษและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักในปัจจุบันของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา
เนื้อหาของหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ มีนักเขียนนิรนามเป็นผู้เขียนจากคำบอกเล่าของเจ้าชายแฮร์รี มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ 16 ภาษาและทางหนังสือเสียงภาษาอังกฤษ แต่มีเนื้อหาบางส่วนถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทำให้มีการวางจำหน่ายในประเทศสเปนล่วงหน้าก่อนวันขายจริง
ระหว่างที่ Spare เตรียมออกวางจำหน่ายเจ้าชายแฮร์รีทรงให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ 4 ครั้ง เพื่อโปรโมทหนังสือเล่มนี้ ทั้งในอังกฤษและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่พำนักในปัจจุบันของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน พระชายา
เนื้อหาของหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มนี้ มีนักเขียนนิรนามเป็นผู้เขียนจากคำบอกเล่าของเจ้าชายแฮร์รี มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ 16 ภาษาและทางหนังสือเสียงภาษาอังกฤษ แต่มีเนื้อหาบางส่วนถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทำให้มีการวางจำหน่ายในประเทศสเปนล่วงหน้าก่อนวันขายจริง
