การปกครองด้วยกำปั้นเหล็กของตระกูลอัสซาดจากรุ่นพ่อสู่รุนลูกในซีเรียกว่า 50 ปีเดินมาถึงจุดจบหลังกลุ่มกบฏรุกคืบเข้ายึดกรุงดามัสกัสอย่างรวดเร็วเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดและครอบครัวต้องหนีไปรัสเซีย
ต่อไปนี้คือเหตุการณ์สำคัญในซีเรียตั้งแต่บาชาร์ อัล-อัสซาดสั่งปราบปรามการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยจนนำมาสู่สงครามกลางเมืองก่อนที่ฝ่ายต่อต้านจะโค่นล้มรัฐบาลได้สำเร็จ
ปี 2011
การประท้วงต่อต้านอัล-อัสซาดครั้งแรกลุกลามไปทั่วซีเรียอย่างรวดเร็ว ทางการตอบโต้ด้วยการส่งกองกำลังความมั่นคงออกมาปราบปรามผู้ประท้วง มีการจับกุมและใช้กระสุนจริง ผู้ประท้วงบางส่วนจับอาวุธขึ้นต่อสู้ หน่วยทหารบางหน่วยแปรพักตร์มาร่วมกับประชาชน ก่อนที่กลุ่มผู้ประท้วงจะพัฒนาไปเป็นกลุ่มต่อต้านติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตกและประเทศอาหรับอย่างตุรกีในภายหลัง
ปี 2012
กลุ่มแนวร่วมนูสรา (Nusra Front) ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรีย ซึ่งเริ่มอำนาจและเริ่มบดขยี้กลุ่มต่างๆ ด้วยอุดมการณ์ชาตินิยม ก่อเหตุระเบิดครั้งแรกในกรุงดามัสกัส
ประเทศมหาอำนาจของโลกเปิดประชุมที่กรุงเจนีวาและเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง แต่ตกลงกันไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทำให้ความพยายามสร้างสันติภาพที่สนับสนุนโดยองค์การสหประชาชาติไม่เกิดขึ้น ด้านอัล-อัสซาดใช้กองทัพอากาศถล่มฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้าน ขณะที่ฝ่ายต่อต้านยึดพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น การสู้รบกันทวีความรุนแรงเป็นเหตุการณ์นองเลือดสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย
ปี 2013
กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนช่วยให้อัล-อัสซาดมีชัยชนะในเมืองกูซีร์ ทำให้การรุกคืบของฝ่ายต่อต้านชะงักและแสดงถึงบทบาทสำคัญของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในความขัดแย้งนี้
รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าหากมีการใช้อาวุธเคมีจะถือว่าล้ำเส้น แต่เมื่อมีการใช้แก๊สโจมตีในเมืองกูตา พื้นที่ของกลุ่มกบฏใกล้กับกรุงดามัสกัส จนพลเรือนเสียชีวิตหลายราย สหรัฐฯ กลับนิ่งเฉย
ปี 2014
กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) บุกยึดเมืองร็อกกา (Raqqa) ทางตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างรวดเร็ว และยังโอบล้อมเมืองอีกหลายเมืองในซีเรียและอิรัก
กลุ่มกบฏในเขตเมืองเก่าของเมืองฮอมส์ยอมแพ้และตกลงยายออกไปอยู่ชนเมืองด้านนอก นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ครั้งแรกในเขตเมืองใหญ่ และเป็นจุดเริ่มต้นของข้อตกลง “อพยพ” ในเวลาต่อมา
รัฐบาลวอชิงตันก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลามและเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศซึ่งช่วยให้กองกำลังชาวเคิร์ดหยุดยั้งกระแสของกลุ่มรัฐอิสลาม แต่กลับสร้างรอยร้าวกับพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างตุรกีที่ขัดแย้งกับกลุ่มเคิร์ด
ปี 2015
กลุ่มกบฏยึดพื้นที่ได้มากขึ้น รวมทั้งเมืองอิดลิบทางตะวันตกเฉียงเหนือ หลังได้รับความร่วมมือและอาวุธจากต่างประเทศมากขึ้น แต่กลุ่มรัฐอิสลามกำลังมีบทบาทมากขึ้น
รัสเซียร่วมทำสงครามโดยอยู่ฝ่ายเดียวกับอัล-อัสซาดด้วยการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มกลุ่มกบฏ

ปี 2016
ด้วยความกังวลจากการรุกคืบของกลุ่มเคิร์ดตามแนวชายแดน ตุรกีจึงเปิดการโจมตีร่วมกับกลุ่มกบฏที่เป็นพันธมิตรกัน ทำให้บางพื้นที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตุรกี
กองทัพซีเรียและพันธมิตรเอาชนะกลุ่มกบฏในเมืองอะเลปโป นับเป็นครั้งแรกที่อัล-อัสซาดคว้าชัยครั้งใหญ่ที่สุดในการสู้รบ ส่วนแนวร่วมนูสราแยกตัวออกจากกลุ่มอัลกออิดะห์ และเริ่มสร้างภาพลักษณ์เป็นกลุ่มสายกลาง เปลี่ยนชื่อใหม่หลายครั้งจนมาลงเอยที่ ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham: HTS)
ปี 2017
อิสราเอลยอมรับว่าปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในซีเรีย โดยมีเป้าหมายลดความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของอิหร่านและพันธมิตร
กองกำลังที่นำโดยเคิร์ดที่สหรัฐฯ หนุนหลังเอาชนะกลุ่มรัฐอิสลามในเมืองร็อกกา นอกจากนี้กองทัพซีเรียยังโจมตีในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่งผลให้กลุ่มรัฐอิสลามถูกรุกไล่ออกจากดินแดนที่ครอบครองเกือบทั้งหมด
ปี 2018
กองทัพซีเรียยึดฝั่งตะวันออกของเมืองกูตาคืนได้ ก่อนจะไล่ยึดพื้นที่ในครอบครองของกลุ่มกบฏทางตอนกลางอย่างรวดเร็ว และยึดป้อมของกลุ่มกบฏในเมืองเดราทางตอนใต้
ปี 2019
กลุ่มรัฐอิสลามเสียพื้นที่สุดท้ายในซีเรีย สหรัฐฯ ตัดสินใจคงกองกำลังไว้ในซีเรียเพื่อป้องกันการโจมตีกองกำลังเคิร์ดซึ่งเป็นพันธมิตรกัน
ปี 2020
รัสเซียหนุนหลังการโจมตีของรัฐบาลซีเรียจนกระทั่งมีการทำข้อตกลงหยุดยิงกับตุรกี ทำให้การสู้รบในแนวหน้าส่วนใหญ่หยุดชะงัก อัล-อัสซาดครองพื้นที่ส่วนใหญ่และเมืองใหญ่ทั้งหมด ส่วนกลุ่มกบฏครองพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ กองกำลังที่ตุรกีหนุนหลังครองพื้นที่แถบแนวชายแดน กองกำลังที่ดำโดยเคิร์ดยึดพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ปี 2023
การบุกอิสราเลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. จุดชนวนการสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน ทำให้ฮิซบุลเลาะห์เคลื่อนไหวในซีเรียได้น้อยลงจนนำมาสู่ความอ่อนแอของอัล-อัสซาด
ปี 2024
สงครามกลางเมืองในซีเรียเข้าสู่ปีที่ 14 บรรดาผู้สังเกตการณ์มองว่าความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในขณะที่ความสนใจของโลกพุ่งไปที่วิกฤตอื่นๆ อย่างการสู้รบในยูเครนและสงครามอิสราเอลกับฮามาสในกาซา
กลุ่มกบฏเปิดฉากโจมตีครั้งใหม่ในเมืองอะเลปโป ขณะที่พันธมิตรของอัล-อัสซาดติดพันอยู่กับการสู้รบที่อื่น ทำให้กองทัพของอัล-อัสซาดพังทลายลงย่างรวดเร็ว หลังจากกลุ่มกบฏยึดเมืองอะเลปโปได้เพียง 8 วันก็บุกเข้ายึดกรุงดามัสกัสและโค่นล้มอัล-อัสซาดได้สำเร็จ
Photo by SYRIAN TV / AFP