บทวิเคราะห์: ประชาธิปไตย ‘ไทย’ ต้องเดินต่อไป แม้วันนี้ไม่มี ‘พิธา’

25 ก.ค. 2566 - 04:43

  • ‘ก้าวไกล’ ยังคงมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทย แม้ในวันนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะถูกตัดสิทธิปฏิบัติหน้าที่ สส. และไม่อนุญาตให้เสนอชื่อนายกเป็นครั้งที่ 2

  • ทว่าความเคลื่อนไหว และผลเลือกตั้งในครั้งนี้ บ่งชี้แล้วว่าคนไทยต้องการอะไร และประเทศควรเดินหน้าต่อไป แม้ว่าจะไม่ใช่นายกจากพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1

thailand-democracy-could-still-move-forward-SPACEBAR-Hero
เว็บไซต์ข่าว VOX ระบุว่า ความหวังสำหรับประเทศไทยที่ก้าวหน้าและเป็นประชาธิปไตยริบหรี่ลงหลังจาก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคถูกโจมตีครั้งใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เมื่อรัฐสภาห้ามไม่ให้พิธาถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยก็ตาม สร้างความไม่พอใจของเยาวชนไทยต่อเศรษฐกิจที่ชะงักงันและความไม่เท่าเทียมกันอย่างมาก 

ตอนนี้โอกาสสำหรับการปฏิรูปครั้งใหญ่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ว่าคนไทยได้แสดงการสนับสนุนพรรคก้าวไกลและพิธา มีการเข้าร่วมการชุมนุมและจัดการประท้วงง แต่อำนาจที่ฝังแน่นของสถาบันกษัตริย์และกองทัพอาจครอบงำเกินกว่าที่การปกครองพลเรือนแบบก้าวหน้าจะฝ่าฟันไปได้ 

ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ความวุ่นวายทางการเมือง ส่งผลให้เกิดการรัฐประหารหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดในปี 2014 ส่งผลให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องออกจากตำแหน่ง และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเข้ามามีอำนาจในปีนั้น แม้ว่าประเทศไทยจะสับสนระหว่างระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภากับระบอบเผด็จการทหารตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่โดยทางเทคนิคแล้ว ระบอบประชาธิปไตยนั้นอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 

ในแง่หนึ่ง สถาบันกษัตริย์คือส่วนหนึ่งอันล้ำค่าของลักษณะประจำชาติไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอันยาวนานหลายศตวรรษ แต่ภายใต้พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน รัฐบาลไทยประสบกับปัญหาการถอยหลังทางประชาธิปไตยมากขึ้น แม้ว่าคนไทยจะเรียกร้องในทางตรงข้ามก็ตาม  

ตามรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า ภายใต้การปกครองของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ ทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นการผสมผสานที่ทรงพลังและมักจะเป็นภัยคุกคาม รัฐบาลได้จับกุมนักเคลื่อนไหว ปราบปรามการประท้วงเพื่อประชาธิปไตย และประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศหลังจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2020 และ 2021 การเคลื่อนไหวประท้วงส่วนใหญ่เกิดจากข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลและข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 

สำหรับทั้งชาวไทยและผู้สังเกตการณ์ การหาเสียงของพิธา และชัยชนะของกลุ่มพันธมิตรในเดือนพฤษภาคม นำเสนอความเป็นไปได้ของเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

ด้วยความพยายามหลายครั้งของรัฐบาลในการปราบปรามแนวร่วมของพรรคก้าวไกล จึงเริ่มมีลักษณะเหมือนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วงจรแห่งความหวัง ความไม่สงบ และการปราบปรามที่ดูเหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งขยายวงกว้างไปสู่ระบอบเผด็จการ 

“นี่คือรูปแบบของการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าในการเมืองไทย”  ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์รัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวกับ New York Times 

‘ก้าวไกล’ ยังคงมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทย 

ขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นมากกว่าพิธา การนำทัพของพรรคก้าวไกล เป็นผลพวงจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย การเคลื่อนไหวของเยาวชน และความพยายามของภาคประชาสังคมไทย 

แอนโธนี เนลสัน รองประธานฝ่ายปฏิบัติการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของ Albright Stonebridge Group กล่าวว่า สิ่งที่อาจจะโดดเด่นที่สุดของพิธา คือการสะท้อนมุมมองของคนหนุ่มสาว การเข้าถึงการศึกษาที่ดี และหัวก้าวหน้า ซึ่งปกติแล้วจะเป็นกลุ่มชนชั้นนำทางการเมือง ซึ่งการเลือกตั้งบ่งชี้แล้วว่าคนรุ่นใหม่มีการแบ่งชั้นทางสังคมน้อยกว่าและสนใจในการสร้างประเทศไทยที่ก้าวไปข้างหน้ามากกว่า 

หากพูดในเชิงเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยมีความอนุรักษนิยมมสูง ประเทศนี้เป็นโรงไฟฟ้าระดับภูมิภาค แต่ไม่เคยหลุดพ้นจากสถานะรายได้ปานกลางอย่างแท้จริง และมีการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมภายในประเทศค่อนข้างน้อย 

เนลสัน กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในกระแสโลกาภิวัตน์อย่างมาก เป็นสถานที่ที่เป็นมิตรสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง และเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลกาภิวัตน์ที่ซับซ้อน แต่คนไทยก็ยังคงมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือผลของเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ที่ด้านบนสุด 

เนลสันกล่าวว่า ประทศไทยไม่เคยหลุดจากสถานะประเทศรายได้ปานกลาง เนื่องจากมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการผูกขาดในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งโทรคมนาคมและการขายแอลกอฮอล์ พรรคก้าวไกลให้คำมั่นที่จะจัดการกับการผูกขาดเหล่านั้นเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมและการแข่งขัน ซึ่งฐิตินันท์บอกกับ Bloomberg ว่าสิ่งนี้จะเท่ากับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์ของเศรษฐกิจไทย 

อย่างไรก็ตาม เนลสันกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรแนวร่วมของก้าวไกล จะเสนอชื่อนายกในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีความเป็นอนุรักษนิยมมมากกว่าและมีแนวโน้มที่จะต้องทำงานร่วมกับพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากทหารในรัฐสภา แต่ก็สามารถผลักดันรัฐสภาไปในทิศทางที่ก้าวหน้ามากขึ้นได้ และหากพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั่นย่อมแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการเมืองไทยในปัจจุบัน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์