ประเด็นเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และคาสิโนถูกพูดถึงอีกครั้งหลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามข้อเสนอของกฤษฎีกา เดินหน้าส่งสภาฯ พิจารณาต่อ ซึ่งก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและคัดค้าน Spacebar พาศึกษาบทเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างของประเทศที่ทำคาสิโนถูกกฎหมายแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ไฟเขียวให้มีคาสิโนครั้งแรกเมื่อปี 1977 ด้วยเหตุผลเดียวกับไทยคือ สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วงแรกอุตสาหกรรมนี้เฟื่องฟูดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนท้องถิ่นก็เริ่มติดพนันงอมแงมซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมตามกฎหมาย นำมาสู่อัตราการก่ออาชญากรรมสูงขึ้น ปัญหาหนี้สิน และปัญหาสังคมอื่นๆ ที่ซ้ำร้ายคือ สถานการณ์เริ่มแย่ลงเนื่องจากการคอร์รัปชันในวงกว้างของนักการเมือง
ปี 2016 ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ทำให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย รวมทั้งคาสิโนออนไลน์ การพนันกีฬา และการเดิมพันรูปแบบอื่นๆ โดยมีเป้าหมายหลักที่นักพนันชาวจีน เป้าหมายก็เพื่อควบคุมการพนันที่ผิดกฎหมาย และนำมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล แต่กลับคว้าน้ำเหลว เพราะพนันแบบผิดกฎหมายก็ยังอยู่ แถมยังมีพนันถูกกฎหมายมาเพิ่มอีก
ช่วงปี 2016-2020 พนันออนไลน์ในฟิลิปปินส์เฟื่องฟูมาก ทั้งยังสร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศ ทว่าการพนันยังนำมาสู่ปัญหาใหญ่ อาทิ การค้ามนุษย์ การฉ้อโกงทางออนไลน์ การฟอกเงิน และการย้ายถิ่นฐานแบบผิดกฎหมาย จนกระทั่งเดือน ก.ค. 2024 ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ตัดสินใจปิดเว็บพนันออนไลน์แบบถูกกฎหมายทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติและว่าพนันออนไลน์เชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรม ส่วนรัฐบาลได้ข้อสรุปว่า “รายได้ที่เข้ามา” ไม่คุ้มค่ากับ “ต้นทุนทางสังคมที่เกิดขึ้น”
แม้รัฐจะประกาศห้าม แต่การพนันแบบผิดกฎหมายก็ไม่ได้หายไป

ฟิลิปปินส์พบว่า เหตุอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างห็นได้ชัดในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา จนฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูงที่สุดในอาเซียน ด้วยเหตุนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สิงคโปร์
สิงคโปร์ถูกมองว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการคาสิโนด้วยการใช้โมเดลการนำโรงแรมหรือรีสอร์ตมารวมกับบ่อนคาสิโนและศูนย์การค้าไว้ในที่เดียวกัน (Integrated Resorts) โดยมีมาตรการกำกับดูแลคาสิโนที่เข้มงวดเพื่อลดผลกระทบแง่ลบจากการพนัน ทำให้สิงคโปร์สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวโดยที่ไม่กระทบกับประชาชนในท้องถิ่น
รูปแบบคาสิโนของสิงคโปร์นั้นทั้งควบคุมอย่างเข้มงวดและอนุญาตให้เปิดอย่างจำกัด รัฐบาลสิงคโปร์ออกใบอนุญาตให้คาสิโนเพียง 2 แห่งเท่านั้นคือ มารีนาเบย์แซนด์ ซึ่งดำเนินการโดยลาสเวกัสแซนด์ และอีกแห่งคือ รีสอร์ตส์เวิลด์เซนโตซา ดำเนินการโดยเกนติงกรุ๊ป ทั้งสองแห่งต้องเป็นส่วนหนึ่งของ Integrated Resorts ที่รวมเอาโรงแรม ศูนย์ประชุม ช็อปปิงมอลล์ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ระดับโลกไว้ด้วยกัน เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและมีรายได้ตลอดทั้งปี แทนที่จะพึ่งพานักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพียงอย่างเดียว

สิงคโปร์บังคับใช้กฎระเบียบคาสิโนอย่างเข้มงวดผ่านกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแล เช่น พระราชบัญญัติควบคุมคาสิโน (CCA) ซึ่งเป็นกฎหมายหลักควบคุมการดำเนินการของคาสิโน และหน่วยงานกำกับดูแลคาสิโน (CRA) ควบคุมการออกใบอนุญาตและตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย (MHA) และธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมการเงิน
ทางการสิงคโปร์บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการติดการพนัน อาทิ พลเมืองและประชาชนที่มีถื่นที่อยู่ถาวรในสิงคโปร์ต้องจ่ายค่าเข้าวันละ 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ (3,835 บาท) หรือ 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (76,700 บาท) ต่อปี เพื่อจำกัดารเข้าถึงและป้องกันการเล่นพนันมากเกินไป นอกเหนือจากนั้น ยังสามารถออกคำสั่ง “ห้ามเข้าร่วม” (Exclusion Orders) สำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางการเงิน ให้แยกตัวเองออกไปหรือเปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวร้องขอคำสั่งห้ามเข้าร่วม (Family Exclusion) ได้
ในแง่ของการกำกับดูแลด้านการเงิน สิงคโปร์บังคับใช้มาตรการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และมาตรการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินให้การก่อการร้าย (CFT) โดยคาสิโนต้องนำระเบียบการ “รู้จักลูกค้า” (KYC) มาใช้ เพื่อตรวจสอบตัวตนของผู้เล่น และจำกัดการทำธุรกรรมด้วยเงินสดที่เกิน 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ และรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คาสิโนของสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก โดยเฉพาะจากจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ทั้งยังสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยว และก่อให้เกิดการจ้างงานในภาคบริการจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี รัฐบาลสิงคโปร์จำกัดจำนวนคาสิโนไว้ที่ 2 แห่งไปจนถึงปี 2030 ซึ่งต้องลงทุนเพิ่มเติมในการขยายรีสอร์ทเพื่อต่ออายุใบอนุญาต และอาจนำมาตรการควบคุมเพิ่มเติมมาใช้เพื่อบรรเทาปัญหาทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
สิงคโปร์ไม่อนุญาต์ให้เล่นพนันออนไลน์ และปิดกั้นการโฆษณาและเว็บไซต์ที่แนะนำการเล่นพนัน
ด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน สิงคโปร์จึงใช้คาสิโนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่ร้ายแรง โมเดลนี้ทำหน้าที่เป็นมาตรฐานสำหรับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการพัฒนารีสอร์ทแบบบูรณาการภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดได้อย่างดี