สถานกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้วได้รับแจ้งจากกองทัพไทยว่าด่านตรวจคนเข้าเมืองและช่องทางผ่านชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาจะถูกปิดชั่วคราวฝ่ายเดียว มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป เพื่อรอการเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนระหว่างสองประเทศ
ในหนังสือแจ้งกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กึม โสวันนา หัวหน้าสถานกงสุลใหญ่กัมพูชาในจังหวัดสระแก้วกล่าวว่าเมื่อเช้าวันที่ 7 มิถุนายนว่า “สถานกงสุลได้รับแจ้งจากกองทัพไทยเกี่ยวกับการปิดด่าน...ทางการรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นไป ด่านตรวจและทางเดินชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาจะถูกปิดชั่วคราว (ฝ่ายเดียว) เพื่อรอการเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนทางบกไทย-กัมพูชา”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กัมพูชาปฏิเสธที่จะเจรจาใน 4 พื้นที่ที่เป็นประเด็นพิพาท ได้แก่ บริเวณบอมเบย, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโตช และปราสาทตาควาย ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้” โสวันนา กล่าว
นอกจากนี้ ด่านตรวจชายแดนและทางเดินในจังหวัดอื่นๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาก็จะถูกปิดลงเช่นกัน
ขณะที่สถานการณ์ชายแดนกัมพูชา-ไทยยังคงตึงเครียด ในวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ภูมิธรรม เวชยชัย อ้างว่ากัมพูชากำลังยกระดับความตึงเครียด นอกจากนี้ ภูมิธรรมยังบอกอีกว่า “ข้อมูลที่รัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยนั้น ‘ไม่ถูกต้อง’”
ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ภูมิธรรมระบุว่ากัมพูชาเปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการประชุมระหว่างเขากับ เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่ง “เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและไม่สะท้อนเนื้อหาที่หารือกันในการประชุม”
“น่าเสียดายที่ข้อเสนอเชิงสร้างสรรค์ที่อาจนำไปสู่การลดความตึงเครียดและสันติภาพถูกปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการเพิ่มกำลังทหารซึ่งยิ่งทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและเสริมกำลังทหารตามนั้น ประเทศไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตยไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตนด้วยกำลังเต็มที่”
“ผมขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าผมไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของใครก็ตามที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย รัฐบาลและกองทัพเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องและรักษาอำนาจอธิปไตยของชาติให้ถึงที่สุด” ภูมิธรรม กล่าว
เมื่อวานนี้ นายกฯ ฮุน มาเนต กล่าวว่ากัมพูชาจะนำพื้นที่พิพาททั้ง 4 แห่งขึ้นฟ้องศาลโลกเท่านั้น และจะยังคงใช้กลไกการกำหนดขอบเขตอื่นๆ ทั้งหมดต่อไป
มาเนตกล่าวเมื่อเช้านี้ (7 มิ.ย.) ว่า “ไม่ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะตัดสินใจอย่างไร กัมพูชาจะยอมรับและตกลงที่จะยุติเรื่องนี้ เรานำเรื่องนี้ขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ใช่เพื่อยุยงให้เกิดสงคราม แต่เพื่อแก้ไขและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น”
(Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP)