ไทยอาจไม่รอดแรงกระแทกจากการที่ทรัมป์เก็บภาษีจีน 10%

3 ก.พ. 2568 - 08:18

  • ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจากจีน 10% แถมสำทับด้วยว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพิ่มอีกถ้าทั้งสามประเทศใช้มาตรการคล้ายกันนี้ตอบโต้ ส่งสัญญาญสงครามการค้า 2.0 และอาจอาจถูกลูกหลงในครั้งนี้

  • สหรัฐฯ ยังจับตาประเทศที่มีการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ โดยทรัมป์บอกว่า จะลดการเกินดุลนี้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีให้สูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นปัญหากับไทย เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ต่อเนื่องหลายปี

us-china-trade-war-tariff-a-threat-to-thailand-SPACEBAR-Hero.jpg

การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความสั่นสะเทือนตั้งแต่วันแรกที่เข้าพิธีสาบานตนจากการเซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารจัดการเรื่องสำคัญหลายฉบับตามที่ประกาศไว้ จนถึงล่าสุดที่ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจากจีน 10% แถมสำทับด้วยว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพิ่มอีกถ้าทั้งสามประเทศใช้มาตรการคล้ายกันนี้ตอบโต้ ส่งสัญญาญสงครามการค้า 2.0 จากมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ และแรงกระเพื่อมส่งมาไกลถึงประเทศไทยแน่นอน 

 
 

สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีสัดส่วนถึง 18% ของการส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ากว่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และไทยยังเป็นประเทศที่มีการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 12 หากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีเหตุให้ต้องชะงักอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง 

 
 

สมัยรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เมื่อปี 2017-2021 โรงงานในจีนทั้งของจีนเองและบริษัทต่างชาติต่างพากันย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมายังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งไทย เพื่อเลี่ยงภาษีทรัมป์เก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน และมีรายงานว่าการย้ายฐานการผลิตดังกล่าวมีมูลค่าถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นข่าวดีสำหรับไทย แต่การย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยกลับมีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น 

นั่นหมายความว่าไทยยังเสียเปรียบในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซีย ทั้งค่าแรงที่สูงกว่า การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ และการเป็นสังคมผู้สูงอายุ 

และหากสหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับบรรดาโรงงานที่ย้ายฐานการผลิตมาจากจีนเพื่อเลี่ยงภาษี ประเทศไทยอาจเผชิญกับข้อจำกัดทางการค้าเพิ่มเติม หากทางการสหรัฐฯ มองว่าไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับสินค้าที่จีนใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งไปยังสหรัฐฯ

us-china-trade-war-tariff-a-threat-to-thailand-SPACEBAR-Photo01.jpg
Photo: โรงงานทอผ้าไหมในมณฑลอันฮุยของจีน Photo by AFP

อีกทางหนึ่งคือ แทนที่จะย้ายฐานการผลิต บริษัทจีนบางส่วนอาจเลือกยอมรับกับภาษีที่สูงขึ้น (หากทำได้) หรืออาจหันไปให้ความสำคัญกับตลาดอื่นนอกเหนือจากตลาดสหรัฐฯ สินค้าจีนที่ไม่สามารถระบายไปยังตลาดสหรัฐฯ จะถูกนำมาขายใตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะในอาเซียน รวมทั้งไทยมากขึ้นไปอีก ยิ่งส่งผลให้ผู้ผลิตในไทยเผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกจากจีน เสี่ยงทำให้ผู้ผลิตไทยแข่งขันไม่ได้จนอาจต้องลดปริมาณการผลิตหรือปิดโรงงานในที่สุด

“...นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะคุณสามารถย้ายโรงงาน คุณสามารถเย็บเสื้อยืดในภูมิภาคนี้ คุณสามารถผลิตเคสโทรศัพท์ในภูมิภาคนี้ หรือจะผลิตอะไรก็ตามเพื่อส่งไปสหรัฐฯ แต่วัตถุดิบหลายอย่าง ชิ้นส่วนและส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น เป็นผ้า พลาสติก น็อต หรืออะไรก็ตามที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ล้วนนำเข้ามาจากจีน”

เดบอราห์ เอล์มส์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายการค้าของ Hinrich Foundation ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยในสิงคโปร์ที่มุ่งเน้นการค้าโลกที่ยั่งยืน

อีกทางหนึ่งคือ แทนที่จะย้ายฐานการผลิต บริษัทจีนบางส่วนอาจเลือกยอมรับกับภาษีที่สูงขึ้น (หากทำได้) หรืออาจหันไปให้ความสำคัญกับตลาดอื่นนอกเหนือจากตลาดสหรัฐฯ สินค้าจีนที่ไม่สามารถระบายไปยังตลาดสหรัฐฯ จะถูกนำมาขายใตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะในอาเซียน รวมทั้งไทยมากขึ้นไปอีก ยิ่งส่งผลให้ผู้ผลิตในไทยเผชิญกับการแข่งขันจากสินค้าราคาถูกจากจีน เสี่ยงทำให้ผู้ผลิตไทยแข่งขันไม่ได้จนอาจต้องลดปริมาณการผลิตหรือปิดโรงงานในที่สุด

“ในระยะสั้น แน่นอนว่าพวกเขา (อาเซียน) จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่ หากมีการย้ายฐานการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ท้ายที่สุดเมื่อสิ่งเหล่านี้เข้าที่เข้าทาง มันจะไม่เกิดประโยชน์มากนัก”

จายันต์ เมนอน จาก Singapore’s ISEAS-Yusof Ishak Institute

อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ การเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ทรัมป์พูดหลายครั้งว่าหลายๆ ประเทศนอกเหนือจากจีนมีการค้าที่เกินดุลกับสหรัฐฯ และบอกว่าจะลดการเกินดุลนี้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีให้สูงขึ้น หรืออาจกำหนดข้อจำกัดทางการค้าอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยด้วย เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ต่อเนื่องหลายปี ปีที่แล้วไทยเกินดุลกาค้ากับสหรัฐฯ มากถึง 35,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11%  

แม้ว่าไทยอาจรอดพ้นจากการเก็บภาษีเพิ่มจากสหรัฐฯ จากการเป็นทางผ่านของสินค้าจีน หรือจากข้อจำกัดทางการค้า  แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ยังอาจต้องเผชิญกับการเก็บภาษีนำเข้า 10-20% ที่ทรัมป์เสนอให้เก็บเป็นการทั่วไป 

Photo by ANGELA WEISS / AFP

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์