กระทรวงการคลังของเวียดนามรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 ขยายตัวที่อัตรา 7.3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เหงียน วัน ถัง แจ้งในที่ประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.) ว่า “ภาคธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ มีการเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน หลังจากการควบรวมหน่วยงานที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งลดจำนวนจังหวัดและเมืองจาก 63 เหลือ 34 จังหวัด”
นอกจากนี้ ดัชนีเศรษฐกิจอื่นๆ ก็มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเช่นกัน :
- โดยเฉพาะภาคการผลิตและแปรรูปเติบโตถึง 10% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ปีที่มีการเติบโตเลขสองหลักนับตั้งแต่ปี 2011
- การส่งออกเพิ่มขึ้น 14.4% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลประมาณ 7.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.4 แสนล้านบาท)
- ยอดขายปลีกสินค้าและบริการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 9.3%
- การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศแตะระดับ 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.9 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 และเพิ่มขึ้น 32.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
- จำนวนธุรกิจที่จัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้นถึง 152,700 แห่ง ซึ่งสูงกว่าจำนวนธุรกิจที่ออกจากตลาดถึง 20%
- ในเดือนมิถุนายน มีธุรกิจจดทะเบียนเกือบ 24,400 แห่ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีทุนจดทะเบียนเกือบ 177 ล้านล้านดอง (2.1 แสนล้านบาท)
เหงียน วัน ถัง เน้นย้ำถึงความพยายามเชิงรุกของรัฐบาลที่ช่วยให้เวียดนามเติบโตท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ เมื่อวันพุธ (2 ก.ค.) ที่ผ่านมา เวียดนามและสหรัฐฯ ได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้า โดยข้อตกลงนี้กำหนดให้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามที่ 20% (ลดลงจาก 46% ที่เคยประกาศ) ขณะที่เวียดนามจะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และจะเก็บภาษี 40% สำหรับสินค้าที่ส่งผ่านเวียดนาม (trans-shipments) จากประเทศที่ 3
เลขาธิการพรรคโต ลัม ยืนยันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมระหว่างสองประเทศในการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมหารือเรื่องการเสริมสร้างความร่วมมือโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง “นี่คือผลลัพธ์ที่สำคัญของการเจรจา ซึ่งสร้างความมั่นใจและความคาดหวังในหมู่ภาคธุรกิจ” โต ลัม กล่าว
ระบบการปกครองท้องถิ่นแบบสองระดับใหม่ที่ครอบคลุม 34 จังหวัดและเมืองใหม่ของเวียดนาม ถือเป็นก้าวสำคัญในพัฒนาการทางการบริหาร “ระบบนี้ช่วยเสริมสร้างกรอบสถาบันและองค์กรของระบบการเมือง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในหมู่ประชาชนและภาคธุรกิจเพื่อปูทางสู่ยุคใหม่ของเวียดนาม” เหงียน วัน ถัง กล่าว แต่เขาเตือนว่ามีความท้าทายที่ต้องเผชิญในอนาคต ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบเพื่อให้ประเทศก้าวหน้าอย่างมั่นคง
เหงียน วัน ถัง ชี้ว่าเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 นั้นมีความทะเยอทะยานท่ามกลางความกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย เขาเร่งรัดให้หน่วยงานรัฐบาลทุกแห่งติดตามและประเมินระบบการปกครองท้องถิ่นแบบสองระดับอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ธนาคารแห่งชาติเวียดนามปรับนโยบายการเงิน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจ ตอบสนองความต้องการด้านเงินทุน และรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน อีกทั้ง กระทรวงการคลังยังมีแผนที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการจัดเก็บรายได้ โดยตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 15% จากการคาดการณ์เดิมในปีนี้ พร้อมกับลดค่าใช้จ่ายประจำลงอีก 10% เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศ
(Photo by Manan VATSYAYANA / AFP)
