กองกำลังทหารของอิสราเอลรวมตัวกันบริเวณขอบชายแดนฉนวนกาซา ขณะที่กองกำลังฮามาสก็เตรียมพร้อมที่จะสร้าง ‘ความสูญเสีย’ ครั้งใหญ่ที่อิสราเอลจะต้องเผชิญหากเกิดการบุกรุกภาคพื้นดิน
ทาเร็ก บาโคนี ผู้เขียนหนังสือเล่มล่าสุดเกี่ยวกับฮามาส และนักวิชาการของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า มันยากที่จะคิดถึงตอนจบของเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างนั้นใครๆ ก็เดาได้รวมถึงฮามาสเองด้วยว่าจุดจบคืออะไร
จากเหตุระเบิดโรงพยาบาลใจกลางเมืองกาซา ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิจหลายร้อยราย อิสราเอลปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยกล่าวหาว่าสาเหตุมาจากการยิงจรวดจากกลุ่มปาเลสไตน์ที่ผิดพลาด
ในการปฏิบัติการภาคพื้นดินใดๆ ในฉนวนกาซา เป้าหมายที่อิสราเอลประกาศคือการกำจัดกลุ่มติดอาวุธที่ปิดล้อมกาซามาตั้งแต่ปี 2007 แต่นอกเหนือจากเป้าหมายที่จะสังหารผู้นำของกลุ่มฮามาส และโค่นล้มกลุ่มดังกล่าวออกจากอำนาจทางการเมืองแล้ว เจ้าหน้าที่อิสราเอลยังพบว่าเป็นเรื่องี่ยากมากที่จะระบุให้ชัดเจนว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติกล่าวว่า ตอนนี้เราไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังสงคราม เราต้องชนะสงครามครั้งนี้ และนั่นคือสิ่งเดียวที่เรามุ่งเน้น
วาทกรรมต่อสาธารณะของอิสราเอลเกี่ยวกับการปฏิบัติการในฉนวนกาซาเต็มไปด้วยคำสาบานว่าจะแก้แค้นต่อการสังหารพลเรือนมากกว่าพันราย ทั้งผู้หญิง เด็ก คนชรา และครอบครัว ทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เมื่อกลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกทะลวงผ่านรั้วชายแดนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาไปในอิสราเอล แล้วตัดสิ่งกีดขวางเข้าไปโดยผ่านชุมชนเล็กๆ หลายแห่งใกล้ฉนวนกาซา
โยอาฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวกับฝูงนักรบว่า ขีปนาวุธทุกลูกมีจุดหมายปลายทาง ซึ่งมันจะถูกส่งไปถึงสมาชิกฮามาสทุกคน เราจะทำลายกลุ่มฮามาส
ก่อนหน้านี้กลุ่มฮามาสไม่เคยควบคุมตัวประกันเยอะเท่านี้มาก่อน และฉนวนกาซาถึงแม้จะเล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยที่ซ่อนพวกเขา อิสราเอลตระหนักดีว่าการต่อสู้บนท้องถนนและการโจมตีทางอากาศอย่างไม่ลดละซึ่งได้ทำลายพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดแล้วนั้น มีความเสี่ยงที่จะสังหารตัวประกันบางส่วนโดยไม่ตั้งใจ
ในอิสราเอล กลุ่มครอบครัวของผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันเรียกร้องให้ยึดถือ ‘ความปลอดภัย’ เป็นข้อที่ต้องกังวลสูงสุด ขณะที่กลุ่มฮามาสเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 6,000 คนในเรือนจำของอิสราเอล และส่งสัญญาณว่ามีแผนจะใช้ตัวประกันเป็นช่องทางในการเจรจาต่อรอง
ท่ามกลางหายนะด้านมนุษยธรรมที่กำลังลุกลามในฉนวนกาซา ซึ่งพลเรือนชาวปาเลสไตน์มากกว่า 2 ล้านคนถูกกีดกันจากความต้องการขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารและยา กลุ่มสิทธิมนุษยชน และบุคคลภายนอกจำนวนมากกำลังร้องขอให้อิสราเอลระงับการยิง หรืออย่างน้อยก็ยอมให้มีสิ่งของช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่ความวุ่นวายในการสู้รบจะเข้าครอบงำ
อิสราเอลมุ่งเป้าไปที่ผู้บัญชาการกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาแล้ว และกล่าวว่าได้สังหารผู้นำของกลุ่มฮามาสไปแล้วกว่า 6 รายหลังการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม กองทัพยังได้เปิดเผยปฏิบัติการที่จำกัดภายในดินแดนปาเลสไตน์เพื่อพยายามปล่อยตัวตัวประกัน
แต่ในอิสราเอล ซึ่งถูกหลอกหลอนด้วยการสังหารหมู่พลเรือนอิสราเอลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ มีความรู้สึกว่าหากกองทัพไม่โจมตีกลุ่มฮามาสอย่างเด็ดขาดในขณะนี้ ความปลอดภัยสำหรับพลเมืองอิสราเอลก็จะสูญสิ้นไปตลอดกาล
สำหรับกลุ่มฮามาส ซึ่งในอดีตก็ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อชีวิตและความปลอดภัยของชาวปาเลสไตน์ การนองเลือดจึงอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย และกลุ่มฮามาสได้ทำสิ่งที่ดูเหมือนเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ นั่นก็คือการฝ่าแนวป้องกันของอิสราเอลได้อย่างง่ายดาย
แม้แต่การพ่ายแพ้ทางทหารอย่างยับเยินจากอิสราเอลในฉนวนกาซาก็อาจเป็นการเพิ่มพลังให้กับกลุ่มฮามาส
และแม้ว่าในระยะสั้นจะเป็นไปตามแผนสำหรับอิสราเอล นั่นคือ ผู้บัญชาการระดับสูงของฮามาสถูกกำจัดด และตัวประกันจำนวนมากได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ได้รับอันตราย แต่ภาพระยะยาวก็คือ ‘ช่วงเวลาที่ยากลำบาก’ ที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่ไบเดนบอกผ่านรายการ ‘60 Minutes’ ว่ามันจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ สำหรับอิสราเอลหากจะยึดครองฉนวนกาซาอีกครั้ง
เกือบ 2 ทศวรรษหลังจากที่อิสราเอลถอนทหารและผู้ตั้งถิ่นฐานออกจากฉนวนกาซา แต่ประชาชนอิสราเอลกลับไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเอาฉนวนกาซากลับมาเลยแม้แต่น้อย
บุคคลสำคัญทางการเมืองของอิสราเอลบางคน รวมถึงผู้นำฝ่ายค้าน ยาอีร์ ลาปิด ได้เสนอแนวคิดเรื่องบทบาทผู้นำในฉนวนกาซาให้กับหน่วยงานปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ควบคุมประชาชนในเวสต์แบงก์ แต่สิ่งนี้กลับถูกมองว่าอ่อนแอ และอาจถูกชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซามองว่าเป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลอิสราเอล
ผู้สังเกตการณ์ชาวอิสราเอลหลายคน มองว่ามีโอกาสน้อยมากที่การบุกรุกภาคพื้นดินจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวก และไม่มีทางใดที่จะนำชีวิตผู้บริสุทธ์ที่เสียไปแล้วกลับมาได้
การรุกที่กำลังจะเกิดขึ้นของอิสราเอลถูกกำหนดให้ใหญ่กว่าปฏิบัติการในฉนวนกาซาในอดีตมาก อิสราเอลเคยต่อสู้กับความขัดแย้งกับกลุ่มฮามาสมาแล้ว 3 ครั้งในปี 2008-9, 2012 และ 2014 ในการเผชิญหน้าทั้งสามครั้งดังกล่าว มีชาวปาเลสไตน์ราว 4,000 ราย และชาวอิสราเอลเกือบ 100 รายเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของสหรัฐฯ บอกว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มองว่าอิสราเอลจะสามารถทำลายล้างกลุ่มฮามาสได้อย่างสมบูรณ์ และมีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่อิสราเอลจะสามารถยึดครองดินแดนฉนวนกาซาได้อีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากกว่านั้นคือการที่กองกำลังอิสราเอลสังหารหรือจับกุมสมาชิกกลุ่มฮามาสให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาค 3 คนที่คุ้นเคยกับการหารือสหรัฐฯ และผู้นำตะวันออกกลางเผยกับ Reuters ;jk ยุทธศาสตร์เร่งด่วนของอิสราเอลคือ การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของฉนวนกาซา แม้จะต้องสูญเสียพลเรือนจำนวนมากก็ตาม และต้องผลักดันพลเรือนในกาซาไปยังชายแดนอียิปต์ และไล่กลุ่มฮามาสด้วยการระเบิดอุโมงค์ใต้ดินต่างๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้น
เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวว่า พวกเขายังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าอนาคตหลังจากสงครามจะเป็นอย่างไร
ผู้ช่วยไบเดน บางคนกังวลว่าถึงแม้อิสราเอลอาจวางแผนที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเสียหายแก่กลุ่มฮามาส แต่อิสราเอลยังไม่ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำหรับการจบสงครามครั้งนี้
เจ้าหน้าที่อาหรับยังกังวลว่าอิสราเอลไม่ได้วางแผนที่ชัดเจนสำหรับอนาคตของฉนวนกาซา ซึ่งปกครองโดยกลุ่มฮามาสมาตั้งแต่ปี 2006 ที่มีประชากร 2.3 ล้านคน
“อิสราเอลไม่มีแผนหลังสงครามสำหรับฉนวนกาซา กลยุทธ์ของพวกเขาคือการทิ้งระเบิดหลายพันลูก ทำลายทุกอย่างแล้วเข้าไปข้างใน แล้วยังไงต่อล่ะ พวกเขาไม่มีกลยุทธ์ทางออกหลังจากนั้น” แหล่งข่าวความมั่นคงในภูมิภาครายหนึ่งกล่าว
ความหวาดกลัวที่พวยพุ่งไปทั่วทั้งภูมิภาค
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โฮสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน เตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการบุกโจมตีอิสราเอลก่อน หากอิสราเอลจะบุกฉนวนกาซา และอิหร่านจะไม่เฝ้าดูอยู่เฉยๆ หากสหรัฐฯ เจรจากับอิสราเอลให้หยุดได้
สหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก และแสดงความกังวลว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจเข้าร่วมการสู้รบจากชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวี่แววว่ากองทัพสหรัฐฯ จะเปลี่ยนท่าทีจากการขัดขวางไปสู่การมีส่วนร่วมโดยตรง
จากสถานการณ์ที่กำลังดุเดือดในฉนวนกาซา ทำให้เกิดเป็นคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่า ‘ชัยชนะจะเป็นอย่างไร?’