Time Out เปิดเผยดัชนี ‘50 เมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2024’ จากการสำรวจชาวเมืองทั่วโลกหลายพันคนโดยพิจาณาจาก ‘อาหาร วัฒนธรรม สถานบันเทิงยามค่ำคืน ความงาม และทุกๆ สิ่งที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข’ และในปีนี้เป็น ‘นิวยอร์ก’ ที่คว้าอันดับ 1 มาได้ เนื่องจากเป็นเมืองที่ชาวเมืองจากเมืองอื่นๆ อยากอาศัยอยู่มากที่สุด
ขณะที่เมืองหลวงของไทยเรา ‘กรุงเทพฯ’ คว้าอันดับที่ 24 ไปครอง โดยผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชอบในวัฒนธรรมอาหารมากที่สุด
ต่อไปนี้คือ 10 เมืองแรกที่ดีที่สุดในโลก
1. นิวยอร์ก / สหรัฐฯ

Time Out เผยว่า “นิวยอร์กติดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกในปีนี้ทั้งในด้านคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น และการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เมืองนี้ได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่หมวดอาหาร เครื่องดื่ม สถานบันเทิงยามค่ำคืน วัฒนธรรม และความงาม และยังเป็นสถานที่ที่ชาวเมืองจากทั่วโลกเลือกที่จะไปหากพวกเขาสามารถย้ายไปเมืองอื่นได้”
นอกจากนี้ นิวยอร์กยังมีแกลเลอรีของเมืองและพิพิธภัณฑ์ระดับโลกอย่าง ‘MoMA’ ไปจนถึงตลาดกลางคืน ‘Queens Night Market’ “มีอะไรเกิดขึ้นในนิวยอร์กเสมอไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน” Time Out ระบุ
2. เคปทาวน์ / แอฟริกาใต้

เคปทาวน์ เมืองหลวงของแอฟริกาใต้คว้าที่ 2 มาได้ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจาก ‘ภูมิประเทศที่สวยงาม’ “ตั้งแต่ความสูงของภูเขารูปโต๊ะไปจนถึงชายหาดที่สวยงามตามแนวชายฝั่ง มันก็ตัดสินใจไม่ยากที่ผู้สำรวจทุกคนจะบอกว่าเคปทาวน์นั้นสวยงาม” Time Out เผย
นอกจากนี้ วัฒนธรรมและอาหารของเคปทาวน์ก็ยังได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ตอบแบบสำรวจอีกด้วย “สถานที่แสดงวัฒนธรรมของเมืองได้รับคะแนนสูงที่สุดในโลกในด้านคุณภาพ พร้อมด้วยสตูดิโอ แกลเลอรี และกิจกรรมสาธารณะต่างๆ มากมาย…เมืองนี้ยังมีแหล่งอาหารที่น่าตื่นเต้น หลากหลาย และมีชีวิตชีวา”
3. เบอร์ลิน / เยอรมนี

Time Out เผยว่า “เป็นที่รู้กันดีว่าชาวเบอร์ลินชอบปาร์ตี้ และผลการสำรวจก็พบว่าสถานบันเทิงยามค่ำคืนของเบอร์ลินได้รับคะแนนที่น่าประทับใจถึง 82%...”
สำหรับผู้ที่มองหากิจกรรมในเวลากลางวันหรือกลางแจ้งก็ปั่นจักรยานตามเลนจักรยานอันสะดวกสบายที่มีอยู่มากมาย และยังมีพื้นที่สีเขียวของเมืองอย่าง ‘เท็มเพิลโฮฟ’ (Tempelhof Field) สนามบินร้างที่กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่
4. ลอนดอน / อังกฤษ

ผู้ตอบแบบสำรวจในลอนดอนยอมรับว่าเมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่อง 'ความทุกข์ยากและฝน' แต่ถึงกระนั้น การอาศัยอยู่ในเมืองก็ทำให้พวกเขามีความสุข…เป็นเพราะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายให้ทำ ตั้งแต่แบบดั้งเดิมไปจนถึงแบบสมัยใหม่
พิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีในลอนดอนหลายแห่งเปิดให้เข้าชมฟรี มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และผับระดับตำนาน อย่างไรก็ดี หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ย่ำแย่มาหลายปี ไนท์คลับแห่งใหม่ล่าสุดในลอนดอนก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและล้ำหน้ากว่าที่เคย
5. มาดริด / สเปน

มาดริดเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ Time Out บอกว่า ‘เป็นมิตรและมีชีวิตชีวา’ มีอาหารและเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยม รวมถึงวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล
ในปีที่แล้ว ‘Salmon Guru’ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบาร์ค็อกเทลที่ดีที่สุดในโลก ส่วน ดาบิด มูนอซ ได้รับการโหวตให้เป็นเชฟที่ดีที่สุดในโลกอีกครั้ง และ ‘Royal Collections Gallery’ ก็เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในยุโรป”
6. เม็กซิโกซิตี้ / เม็กซิโก

เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองที่ได้คะแนนสูงในด้าน ‘ความน่าอยู่’ ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่บอกว่าเมืองนี้สวยงาม และพวกเขามีความสุขเวลาอยู่ที่นั่น ทั้งยังเป็นเรื่องง่ายที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ และขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารอันมีชีวิตชีวาอีกด้วย
7. ลิเวอร์พูล / อังกฤษ

นอกจากเมืองนี้จะมีชื่อเสียงด้านฟุตบอลอันโด่งดังแล้ว Time Out เผยว่า “ลิเวอร์พูลได้คะแนน 89% ในด้านงานศิลปะและวัฒนธรรมมากกว่าเมืองอื่นๆ ใน 50 เมืองที่ติดอันดับ โดยในปี 2024 ยังจะมีการจัดงานดนตรีมากมาย ซึ่งจะมีศิลปินมาร่วมจัดแสดงกันอย่างคับคั่ง
8. โตเกียว / ญี่ปุ่น

โตเกียวเป็นอีกหนึ่งในเมืองที่ ‘มีชีวิตชีวา’ และ ‘มีนวัตกรรมมากที่สุดในโลก’ โดย Time Out เผยว่า “พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัล ‘teamLab Borderless’ แห่งใหม่นี้ถือเป็นการเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในปีนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีตึกระฟ้า ‘Azabudai Hills’ ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ อีกทั้งโตเกียวยังเป็นศูนย์กลางของร้านอาหารระดับโลก เนื่องจากมีร้านอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกหลายแห่งในโตเกียว”
9. โรม / อิตาลี

ดินแดนศิลปวิทยาการเฟื่องฟูอย่าง ‘โรม’ ได้คะแนนคุณภาพอาหารอยู่ในระดับสูง และในปีนี้ Time Out เผยว่า “โรมกำลังจะเปิดรับร้านอาหารที่ทำจากพืชมากขึ้น สำหรับผู้ที่มองหาอาหารที่ทำจากพืชควรมุ่งหน้าไปที่ร้าน ‘Buddy’ เพื่อรับประทานอาหารมื้อสายมังสวิรัติรสเลิศ และร้าน ‘Grezzo’ ไอศกรีมเจลาโต้ปราศจากนม รวมถึงร้านขนมอบมังสวิรัติแห่งใหม่อย่าง ‘Julietta’ ”
ส่วนสถาปัตยกรรมไม่ต้องพูดถึง เพราะที่นี่โดดเด่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่ น้ำพุเทรวีที่แกะสลักอย่างประณีต บันไดสเปน และวิหารแพนธีออน ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ‘เมืองของพวกเขาสวยงาม’
10. ปอร์โต / โปรตุเกส

ดูเหมือนว่าปอร์โตจะทำให้หัวใจคุณเต้นแรง โดย Time Out เผยว่า “เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีคะแนนความโรแมนติกสูงที่สุด โดยคนในพื้นที่ 82% บอกว่าการหาความรักในเมืองนี้เป็นเรื่องง่าย”
และจะมีอะไรดีไปกว่าการจิบไวน์สักแก้วในเมืองหลวงแห่งนี้ล่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าพักในโรงแรมไวน์ ‘The Yeatman’ เพื่อเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและของว่างที่บาร์ไวน์มีสไตล์อย่าง ‘Genuíno’ หรือเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องดื่มที่ ‘World of Wine’ (WoW)