“ปัญหาความขัดแย้งเรื่องชาติพันธุ์ มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องดินแดนทางประวัติศาสตร์ ส่วนใหญ่มีพื้นฐานอยากให้เกิดความสงบในพื้นที่มากกว่าการต่อสู้”
ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษา อดีตที่ปรึกษานายกฯ ทักษิณด้านโลกมุสลิมทั้งในและนอกประเทศ พูดถึงประเด็นความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ในบทสัมภาษณ์ ถอดสมการ ‘ไฟใต้’ กับบทบาทรัฐไทยปลายด้ามขวาน
ศ.ดร.จรัญ มองว่าแนวคิดเรื่อง ‘แบ่งแยกดินแดน’ มีอยู่จริง แต่มีคนไม่มากที่ปรารถนา ส่วนเรื่อง ‘การจำลองทำประชามติคืนเอกราชปาตานี’ ในงานเสวนานักศึกษา ม.อ.ปัตตานี เป็นคนละเรื่อง แต่พอถูกจับมาโยงกับการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงหลังเลือกตั้งที่หวังผลบางอย่างก็ยิ่งเลยเถิด
“หลายคนตีความไปแล้วว่าเขาเป็นกบฏ ...ทั้งๆ ที่ประเด็นนำเสนอส่วนใหญ่ คือเรื่องวัฒนธรรมในพื้นที่ของเขา ไม่ได้มีประเด็นแตกแยกอะไรเลย”
แล้วทางออกคืออะไร ในสายตา ศ.ดร.จรัญ อย่างน้อยที่สุด ต้องไม่ใช่การปิดกั้นและไม่รับฟังเสียงคนที่เห็นต่าง “ทางที่ดีคือการส่งเสริมให้คนเห็นต่างมีสิทธิเข้ามามีส่วนร่วมในการหาข้อตกลงร่วมกันได้”
เพราะตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนใน พ.ศ.2547 ความรุนแรงไม่เคยหายไปจากพื้นที่ แม้ช่วง 4-5 ปีหลัง ความรุนแรงจะลดน้อยลง แต่การสังหารเจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังเกิดขึ้นประปราย และไม่ว่าจะมากหรือน้อยเท่าใด ชีวิตล้วนมีค่า ไม่ควรมีใครถูกสังหาร
สำหรับคนนอกพื้นที่ที่รับรู้ข่าวสามจังหวัดชายแดนใต้จากสื่อ อาจคิดว่าความรุนแรงเกิดขึ้นนานๆ ทีตามจังหวะการรับรู้ข่าวสาร แต่คนที่อยู่หน้างานไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ความหวั่นวิตกยังอยู่ในใจ ยอดเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่เคยโกหก
ยิ่งเมื่อนำยอดจาก ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) ที่เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ พ.ศ.2547-2565 มาหาค่าเฉลี่ยตามจำนวนวันที่คนในพื้นที่ต้องอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้นดูแล้ว
ไม่ว่าใครที่เห็น ก็คงรู้สึกสั่นไหว...
ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษา อดีตที่ปรึกษานายกฯ ทักษิณด้านโลกมุสลิมทั้งในและนอกประเทศ พูดถึงประเด็นความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ในบทสัมภาษณ์ ถอดสมการ ‘ไฟใต้’ กับบทบาทรัฐไทยปลายด้ามขวาน
ศ.ดร.จรัญ มองว่าแนวคิดเรื่อง ‘แบ่งแยกดินแดน’ มีอยู่จริง แต่มีคนไม่มากที่ปรารถนา ส่วนเรื่อง ‘การจำลองทำประชามติคืนเอกราชปาตานี’ ในงานเสวนานักศึกษา ม.อ.ปัตตานี เป็นคนละเรื่อง แต่พอถูกจับมาโยงกับการเมืองที่ร้อนแรงในช่วงหลังเลือกตั้งที่หวังผลบางอย่างก็ยิ่งเลยเถิด
“หลายคนตีความไปแล้วว่าเขาเป็นกบฏ ...ทั้งๆ ที่ประเด็นนำเสนอส่วนใหญ่ คือเรื่องวัฒนธรรมในพื้นที่ของเขา ไม่ได้มีประเด็นแตกแยกอะไรเลย”
แล้วทางออกคืออะไร ในสายตา ศ.ดร.จรัญ อย่างน้อยที่สุด ต้องไม่ใช่การปิดกั้นและไม่รับฟังเสียงคนที่เห็นต่าง “ทางที่ดีคือการส่งเสริมให้คนเห็นต่างมีสิทธิเข้ามามีส่วนร่วมในการหาข้อตกลงร่วมกันได้”
เพราะตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนใน พ.ศ.2547 ความรุนแรงไม่เคยหายไปจากพื้นที่ แม้ช่วง 4-5 ปีหลัง ความรุนแรงจะลดน้อยลง แต่การสังหารเจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังเกิดขึ้นประปราย และไม่ว่าจะมากหรือน้อยเท่าใด ชีวิตล้วนมีค่า ไม่ควรมีใครถูกสังหาร
สำหรับคนนอกพื้นที่ที่รับรู้ข่าวสามจังหวัดชายแดนใต้จากสื่อ อาจคิดว่าความรุนแรงเกิดขึ้นนานๆ ทีตามจังหวะการรับรู้ข่าวสาร แต่คนที่อยู่หน้างานไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ความหวั่นวิตกยังอยู่ในใจ ยอดเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่เคยโกหก
ยิ่งเมื่อนำยอดจาก ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) ที่เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ พ.ศ.2547-2565 มาหาค่าเฉลี่ยตามจำนวนวันที่คนในพื้นที่ต้องอยู่กับเหตุการณ์เหล่านั้นดูแล้ว
ไม่ว่าใครที่เห็น ก็คงรู้สึกสั่นไหว...

ถามถึงหนทางสู่สันติภาพ ศ.ดร.จรัญ มองว่ามีแนวโน้มในทางที่ดี
“ถ้าเรามองในแง่ของอาจารย์วันนอร์ (วันมูหะมัดนอร์ มะทา) พรรคประชาชาติ (ได้ ส.ส. เขตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ 7 จาก 15 ที่นั่ง) เขาก็ตั้งปณิธานสร้างความสงบสุขในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ชาวมุสลิมเลือกเข้ามาเป็น ส.ส.”
“ดังนั้นหากจะเปลี่ยนประเด็นความมั่นคงให้เป็นความไว้วางใจคนในพื้นที่ ก็เป็นทิศทางที่ดีในการให้อิสระ หรือให้สิทธิบางอย่างที่เขาถูกลดทอนด้านความเท่าเทียม”
“ผมคิดว่า ต่อไปนี้การหารือเรื่องนี้จะถูกพูดมากขึ้น เพื่อให้สามจังหวัดเป็นพื้นที่ที่มีความคิดหนึ่งเดียว (แม้ศาสนาต่างกัน)”
“ส่วนตัวคิดว่าทุกคนต้องการเห็นการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เยี่ยงคนธรรมดาสามัญทั่วไป”
“ถ้าเรามองในแง่ของอาจารย์วันนอร์ (วันมูหะมัดนอร์ มะทา) พรรคประชาชาติ (ได้ ส.ส. เขตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด คือ 7 จาก 15 ที่นั่ง) เขาก็ตั้งปณิธานสร้างความสงบสุขในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ชาวมุสลิมเลือกเข้ามาเป็น ส.ส.”
“ดังนั้นหากจะเปลี่ยนประเด็นความมั่นคงให้เป็นความไว้วางใจคนในพื้นที่ ก็เป็นทิศทางที่ดีในการให้อิสระ หรือให้สิทธิบางอย่างที่เขาถูกลดทอนด้านความเท่าเทียม”
“ผมคิดว่า ต่อไปนี้การหารือเรื่องนี้จะถูกพูดมากขึ้น เพื่อให้สามจังหวัดเป็นพื้นที่ที่มีความคิดหนึ่งเดียว (แม้ศาสนาต่างกัน)”
“ส่วนตัวคิดว่าทุกคนต้องการเห็นการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เยี่ยงคนธรรมดาสามัญทั่วไป”